1.การสนับสนุนพื้นที่ในการฉีควัคซีนป้องการโควิด-19 เบื้องต้นจะเริ่มในพื้นที่กรุงเทพฯก่อน โดยหารือเรื่องสถานที่เปิดรับประชาชนฉีดวัคซีนต้านโควิดกับ 40 ผู้บริหารด้วย พร้อมตั้งคณะทำงานเพื่อรับมอบหน้าที่ด้านต่างๆเพื่อให้บรรลุผลโดยเร็ว ขณะเดียวกันภาคเอกชนจะชี้แหล่งที่มาของวัคซีนเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลรับทราบ เพื่อให้ทุกจังหวัดในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนได้เร็วและทั่วถึง หากรอให้รัฐบาลเป็นผู้จัดหาเพียงฝ่ายเดียวอาจช้าเกินไป

2.การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น และ3.การที่รัฐบาลไม่ประกาศล็อกดาวน์ แต่ผลกระทบที่ได้รับอาจไม่แตกต่างกับล็อกดาวน์ จะส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย และเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาทต่อเดือน ก็ดูว่าจะหาทางช่วยเหลือกันอย่างไร และแนะทางออกให้รัฐบาลเพื่อนำไปทบทวนมาตรการต่างๆ

นายสนั่น กล่าวว่า ภายหลังการหารือจะรวบรวมข้อเสนอจาก 40 ซีอีโอและหอการค้าทั่วประเทศ เพื่อนำไปหารือต่อในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในวันที่ 21 เมษายนนี้ เพื่อหาข้อสรุป นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทันภายในเดือนเมษายนนี้ เพราะตอนนี้ความเดือดร้อนจากโควิดเพิ่มทุกวัน ไม่ควรล่าช้า