“ภราดร” ชี้ โควิด-19 ระบาดรอบ 3 ย้ำการใช้ พรก.ฉุกเฉิน แค่ข้ออ้างจัดการม็อบ ไม่ได้คุมโรค

วันที่ 11 เมษายน 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าการแพร่ระบาดโควิดรอบสาม เป็นสิ่งยืนยันว่าการใช้อำนาจพ.ร.บ.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินฯมาจัดการกับโดวิดของรัฐบาลนั้น มันเป็นเพียงข้ออ้างแต่เบื้องหลังคือต้องการเอามาใช้จัดการกับม็อบกลุ่มราษฎรต่างๆที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาลมากกว่า โดยหลักการแล้วการแก้ไขปัญหาโควิดต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเป็นหัวหอกในการบริหารจัดการ โดยมีพ.ร.บ.โรคติดต่อฯเป็นเครื่องมือหลักช่วยอำนวยการแก้ไขปัญหาก็พอแล้ว

การใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปิดสถานที่เสี่ยงภัยต่อการระบาด และกำหนดมาตรการรับมือล้วนเป็นการใช้อำนาจตามพ.ร.บ.โรคติดต่อฯได้ทั้งสิ้น สำหรับการใช้อำนาจของพ.ร.บ.ฉุกเฉินควรไปใช้ควบคู่ในพื้นที่ชายแดนที่มีผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นการเฉพาะเท่านั้น ความล้มเหลวที่ไม่สามารถระงับยับยั้งการแพร่ระบาดโควิดได้นั้น เหตุเพราะการบูรณาการการจัดการของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมันขาดภาวะผู้นำไม่มีสำนึกความรับผิดชอบนั่นเอง ตัวรัฐมนตรีบางคนติดโควิท ชี้แจงไทม์ไลน์คลุมเครือ สร้างภาพลักษณ์เชิงลบอย่างรุนแรงให้กับรัฐบาล แต่นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจก็ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใดเหมือนเช่นเคย

“การชุมนุมรำลึกวีรชนคนเสื้อแดงเมื่อวานนี้ที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา ได้ส่งสัญญาณสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะได้บ่งบอกว่าคนเสื้อแดงที่โดนความอยุติธรรมจากกลุ่มคนขบวนการยึดอำนาจมิได้หายไป และกำลังมาไหลรวมวิวาห์กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ซึ่งก็ได้รับผลพวงจากความอยุติธรรมของกลุ่มคนอำมหิตกลุ่มเดิม หลังสงกรานต์สายลมจะเปลี่ยนเป็นพลังพายุโหมไล่ความอยุติธรรม และศูนย์กลางของการก่อความอยุติธรรมก็คือผู้นำสืบทอดอำนาจนั่นเอง ดังนั้นการรวมพลังของกลุ่มราษฎรต่างๆเพื่อขับไล่ผู้นำสืบทอดอำนาจ จึงเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และก็มิอาจยุติจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย” พล.ท.ภราดร กล่าว