‘ประยุทธ์’ ขอทุกคนยึดมั่น 3 สถาบันหลักชาติ ทำบ้านเมืองสงบเรียบร้อย แช่ง แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับกรรม

วันที่ 25 มี.ค.2564 เมื่อเวลา 10.45 น. ที่อาคารทำการกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานสถาปนากระทรวงยุติธรรม ครบรอบ 130 ปี โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับกลุ่มตัวแทนผู้เลี้ยงไก่ชนหลายจังหวัด ที่มามอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณรัฐบาลที่ได้คลายล็อกให้สามารถกลับมาเปิดได้อย่างถูกต้อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่ได้พบปะกับทุกคน เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถไปเดินทางไปพบปะใครได้ วันนี้ย้ำว่าประเทศไทยจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสุขภาพไปพร้อมกัน ตนในฐานะนายกฯ ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่ปัญหามาจากโรคระบาดร้ายแรง ตนเข้าใจความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด โดยได้ผ่อนคลายและปลดล็อกไปหลายอย่าง ต้องทำไปทีละขั้นตอนตราบใดที่ยังแก้ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากไก่ชน วันนี้ยังมีกีฬาพื้นบ้านอีกหลายชนิด ทั้งปลากัด และเกษตรกรในห่วงโซ่ที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น แต่คงไม่ถึงขั้นมีแต่ไก่ไม่มีคน ซึ่งในส่วนของคนดูจำนวนมากนั้น ต้องขอรออีกนิด และต้องทำให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยต้องมีมาตรการแต่ละพื้นที่เสนอขึ้นมา แต่ยังขอให้ระวังโรคติดต่อร้ายแรง จนกว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยจนมีภูมิคุ้มกันที่ดี ดังนั้น วันนี้ขอให้กำกับดูแลสนามไก่ชนให้ชัดเจน มีหากมีคนจำนวนมากต้องใช้แอพฯหมอชนะติดตามตัว

โดยย้ำว่าไม่ว่าจะมีวัคซีนหรืออะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวัง มาตรการที่ง่ายที่สุด คือ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง พร้อมปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันการดื่มสุรา ทำให้ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ห้าวหาญและเสี่ยงติดโรค การสนุกเกินเหตุวิถีไทยก็ขอให้เบาๆ กันหน่อย ช่วงนี้ยังอันตราย โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ให้จัดกิจกรรมได้แต่ต้องมีขอบเขต สนุกมากติดเชื้อเร็วก็จะลำบาก ทุกอย่างอยู่ที่การร่วมมือกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเลี้ยงไก่ชนสร้างรายได้มากพอสมควร ต้องดูว่าทำอย่างไรกันต่อไป วันหน้าอาจเป็นสินค้าส่งออกที่ดีในอนาคต ขอให้ทุกคนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เหมือนที่ตนให้กำลังใจท่าน ท่านก็ให้กำลังใจตน ทำให้มีกำลังใจทำงานต่อไป โดยยืนยันจะทำหน้าที่ด้วยความโปรงใส สุจริตและเป็นธรรมให้มากที่สุด และหากใครเรียกหาประโยชน์แจ้งมาได้ทันที ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตนขอเพียงแค่นั้น เพราะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยอยู่กันด้วยความรักความสามัคคีฉันท์พี่ฉันท์น้อง เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวคนไทยและประเทศไทย

“เราต้องมีความรัก ความสามัคคีและร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อยู่ด้วยความรัก ความสามัคคี เป็นครอบครัวเดียวกัน นายกฯ ก็เป็นครอบครัวเดียวกับพวกเราทุกคน อยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยไม่มีการใช้กฎหมายมากเกินไป เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ลำบากและเหนื่อยไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมายเว้นพวกเจตนา จึงอยากขอร้องพวกเราทุกคนดูแลลูกหลาน เยาวชนของเราให้ดี ไม่เช่นนั้นปัญหาจะเกิดขึ้นตามมามากมาย

แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเป็นโลกดิจิทัล สามารถสื่อสารส่งข้อมูลที่บิดเบือนถึงกันอย่างรวดเร็วจนสร้างความไม่เข้าใจ รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อคนไทยทุกคน อย่าลืมว่าเราคือคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ทุกคนใช้ชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าทำสิ่งที่ดีได้สิ่งที่ดีตอบ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน”นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน เราฝึกไก่ชนยังฝึกได้ ทุกคนต้องเรียนรู้โลกยุคใหม่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นช่องทางให้คนมาเอาประโยชน์จากเรา รัฐพยายามทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันด้วยกฎหมาย ดังนั้น ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาได้เดินหน้าและพัฒนาไปด้วยดีและจะดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เป้าหมายรัฐบาลนี้เป็นเป้าหมายเดียวกันกับทุกคน โดยแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน

“วันนี้ขอร้องให้ทุกคนช่วยกัน รักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ อย่าลืมว่าแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะพระสยามเทวาธิราช และพระแก้วมรกต ทรงดูแลคุ้มครองมาตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา พ่อแม่ก็คือพระในบ้าน สังคมเราต้องเคารพผู้มีอาวุโส พ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ ถ้าสิ่งเหล่านี้หายไปก็ไม่ใช่คนไทยและประเทศไทยแล้ว หรือใครคิดว่ามันดีบ้าง ดังนั้น ใครที่ไม่พอใจหรือคิดอะไรที่แตกต่างก็ขอให้ถามเพื่อนดูบ้าง คุยกันเองก็แล้วกัน ผมบังคับไม่ได้เพราะเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว เราไม่เคยไม่มี ผมก็เข้าใจตรงนี้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์โควิดยังต้องระมัดระวังต่อไป เรายังดีกว่าหลายประเทศ ที่ควบคุมดูแลได้ แต่ขอเตือนการชุมนุมต่างๆ คนเยอะๆ ซึ่งตนไม่ได้ขู่ แต่อันตรายหากติดถึงลูกหลาน พ่อแม่และครอบครัวขึ้นมาก็ลำบาก รัฐบาลก็ไม่รู้ทำอย่างไรเหมือนกัน