เผยแพร่ |
---|
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานสถานการณ์คณะรัฐประหารเมียนมาปราบปรามผู้ชุมนุม เลวร้ายลงอีก สหประชาชาติแถลงว่า เฉพาะวันพุธที่ 3 มี.ค. ผู้ชุมนุมตามเมืองต่างๆ ถูกสังหารรวมกันถึง 38 ราย เป็นสถิติวันนองเลือดที่รุนแรงมากที่สุด นับจากเกิดรัฐประหารวันที่ 1 ก.พ.
คริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษสหประชาชาติด้านเมียนมา แถลงที่สำนักงานยูเอ็น นิวยอร์ก ว่า “วันนี้เป็นวันนองเลือดสูงสุดนับจากรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เรามีวันนี้ เฉพาะวันนี้วันเดียว (3 มี.ค.) ประชาชนเสียชีวิต 38 ราย และเรามียอดผู้เสียชีวิตเกิน 50 รายแล้ว นับจากที่รัฐประหารเกิดขึ้น ทั้งยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก”
ทูตหญิงกล่าวด้วยว่า ระหว่างการสนทนากับโซ วิน รองผู้นำกองทัพเมียนมา ตนเตือนแล้วว่า ทหารจะต้องเผชิญมาตรการแข็งกร้าวจากบางประเทศ และจะถูกโดดเดี่ยวเพื่อตอบโต้การรัฐประหารในครั้งนี้ แต่คำตอบที่ได้รับกลับไม่แยแส
“คำตอบที่เราได้รับจากทางเมียนมาคือ ชินแล้ว และจะอยู่ได้ เมื่อดิฉันเตือนว่า พวกท่านจะถูกโดดเดี่ยวนะ คำตอบที่ได้คือ พวกเขาเรียนรู้ที่จะเดินต่อไปได้กับมิตรประเทศที่ไม่มาก” ทูตพิเศษยูเอ็นเผย
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นจะเปิดการหารือสถานการณ์เมียนมาในการประชุมปิดวันศุกร์ที่ 5 มี.ค. นี้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้จีนแสดงบทบาทสร้างสรรค์ให้ทหารเมียนมายุติการใช้ความรุนแรง
นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐตกใจมากกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังทบทวนมาตรการตอบโต้ที่มุ่งเป้าหมายไปยังทหารพม่าโดยตรง นอกจากนี้สหรัฐขอเรียกร้องให้เมียนมาปล่อยนักข่าวในสังกัดสำนักข่าวเอพี ของสหรัฐ โดยทันที หลังจากทหารพม่าจับกุมนักข่าวเอพีดำเนินคดีพร้อมกับนักข่าวคนอื่นๆ อีก 5 คน