เดินทะลุฟ้า : ‘ไผ่ ดาวดิน’ และคณะเดินเท้าถึง อ.สูงเนิน แจงไม่หนี ยันไปตามหมายเรียก ม.112

บรรยากาศการดำเนินกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” คืนอำนาจประชาชน ของกลุ่ม People Go Network และคณะราษฎร รูปแบบเดินเท้าจากจังหวัดนครราชสีมาถึงกรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร เพื่อขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องให้ปล่อย 4 แกนนำ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมทั้งให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของภาคประชาชนและให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ วันแรกเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร และพักค้างคืนในพื้นที่เอกชนบริเวณทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยาง ต.โคกกรวด อ.เมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน แกนนำคณะราษฎรอีสาน ได้นำเครือข่ายกลุ่ม People Go Network และคณะราษฎรที่จะเดินเท้าวันที่สอง บริหารร่างกายยืดกล้ามเนื้อขาจากนั้นได้นัดรวมตัวที่หลักกิโลเมตรที่ 134 ริมถนนมิตรภาพ ด้านเข้ากรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าวัดสัมปัตตะวนาราม ต.โคกกรวด เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรม 25 คน จัดริ้วขบวนเดินโบกธงและมีรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงบรรทุกสิ่งของสัมภาระ อาหาร-น้ำดื่มแล่นนำหน้าและปิดท้าย เวลา 09.00 น. นายจตุภัทร์ หรือไผ่ดาวดิน ได้นำขบวนออกเดินเท้ามุ่งสู่ อ.สูงเนิน ซึ่งแวะพักทุก 3 กิโลเมตร โดยพักเที่ยงที่หลักกิโลเมตรที่ 125 ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ปากทางเข้า ต.นากลาง อ.สูงเนิน ซึ่งยังไม่ถึงเขต ต.กุดจิก อ.สูงเนิน แต่อย่างใด

ล่าสุดกลุ่มราษฎร นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และ ทราย เจริญปุระ ได้เดินทางออกจากที่พัก ร้านเจ๊อ๋อย ปากทางเข้าอ่างห้วยยาง ต.โครกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปบนถนนมิตรภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเดินจากโคราชเข้ากรุงเทพมหานคร ถึงทำเนียบรัฐบาล เป็นระยะทางกว่า 247 กิโลเมตร และจะเดินทางเฉลี่ยวันละ 15 กิโลเมตร ซึ่งมีการถือธงสีส้ม ข้อความเขียนว่า “ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม” โบกไปตลอดเส้นทาง ล่าสุดได้เดินทางไปถึงบริเวณ ต.กุดจิก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมาแล้ว

ไผ่ดาวดิน เปิดเผยว่า กิจกรรมวันที่สองยังเป็นรูปแบบเดิมโดยจัดขบวนเดินรณรงค์เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจปล่อยเพื่อนเราและไม่จับเพิ่มพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองตลอดเส้นทาง สิ่งที่พบเห็นเพิ่มจากการเดินวันแรกรับทราบปัญหาของประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องถิ่น เช่นความเสียหายของพื้นผิวจราจรจรและ ทางเดินเท้าริมถนน ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสเข้าคิวรอใช้บริการ “ไทยชนะ” ที่ธนาคารกรุงไทยรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจซบเซา ปัญหาหนี้สินครัวเรือน การประกอบอาชีพเป็นไปด้วยความยากลำบาก

จากการเดินทางเมื่อวานนี้ (16กุมภาพันธ์) วันแรก ได้รับการตอบรับจากประชาชนริมทางเป็นจำนวนมาก หลายคนมาปรบมือส่งเสียงให้กำลังใจ และนำน้ำ รวมทั้งขนมต่างๆ มามอบให้กับกลุ่มผู้ร่วมเดินทางตลอดเส้นทาง ไม่มีเสียงต่อต้านแต่อย่างใด บางคนก็มาร่วมเดินขบวนด้วยซ้ำ ซึ่งการเดินขบวนตามถนนเมื่อวานนี้ ได้มีการใช้เครื่องเสียงปราศรัยไปตลอดเส้นทางด้วย โดยเรื่องที่ปราศรัยวันแรกก็จะโฟกัสไปที่ประเด็นการเปิดให้ลงทะเบียนเราชนะ สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งพบว่ามีผู้สูงอายุหลายคน ต้องมาต่อคิวแออัดกัน ตากแดด ตากลม เพื่อรอลงทะเบียนด้วยความยากลำบาก ทั้งที่สิทธิในรัฐธรรมนูญ ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน การที่รัฐจะนำเงินภาษีของประชาชนมาจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก็ต้องจ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่จะเลือกปฏิบัติให้เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้เกิดภาพการแย่งกันลงทะเบียนเหมือนกับเป็นการไปขอทาน เพราะเขากลัวว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์ ความเป็นคนไทยไม่ได้อยู่ที่การลงทะเบียน แต่อยู่ที่ความเป็นคนไทยตามกฎหมายซึ่งมีบัตรประชาชนระบุตัวตนไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการแจกเงินเยียวยาลักษณะนี้เลย

อย่างไรก็ตาม นายจตุภัทร์กล่าวว่า รับทราบว่าวันนี้ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม กทม. เตรียมออกหมายเรียกให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหากระทำผิดมาตรา 112 ตนยินดีไม่คิดจะหลบหนีหรือขัดขืนโดยจะออกเดินเท้าร่วมกับเครือข่ายมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อไปรายงานตัวตามกระบวนการยุติธรรม ฝากถึงพี่น้องประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนายไผ่ดาวดินคนนี้ ประชาชนที่รับทราบความเคลื่อนไหวขอให้ออกมาร่วมเดินการเดินกันให้มากๆ ซึ่งถือเป็นการต่อสู้ของภาคประชาชน