วันที่ 22 ธ.ค. เดลีเมล์ รายงานสถานการณ์ โรคโควิด-19 ใน สหราชอาณาจักร ว่า นอกจากกระแสหวาดวิตกในยุโรปและอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ประกาศระงับเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการระบาดของ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายรวดเร็วกว่ โควิดสายพันธุ์เดิมถึงร้อยละ 70 แล้ว

ภายในประเทศยังเกิดโกลาหล ประชาชนจำนวนมากแห่กักตุนซื้อของกิน-ของใช้จนเกลี้ยงซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง ขณะที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และซื้อของเท่าที่จำเป็นตามปกติ เพื่อป้องกันสินค้าขาดแคลน

โฆษกนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่าประเทศมีระบบห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย และแหล่งอาหารหลักของประเทศไม่ได้มาจากการนำเข้า ดังนั้นประชาชนควรซื้อสินค้าตามปกติและควรมีน้ำใจแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ซื้อสินค้าเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาส

ทั้งนี้ ทางการประกาศใช้มาตรการเทียร์ 4 ในกรุงลอนดอน และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงคริสต์มาส เนื่องจากพบการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนในเขตเสี่ยงต้องอยู่ในบ้านพัก ห้ามพบปะกับครอบครัวอื่น

กรณีพบเจอในที่โล่งแจ้งนั้นบุคคลจากครอบครัวหนึ่งสามารถพบปะกับบุคคลต่างครอบครัวได้ไม่เกิน 1 คน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ ห้ามพบปะหลายครอบครัวเฉพาะในวันคริสต์มาสเพียง 1 วัน จากเดิมที่มีกำหนดห้ามระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.

สำหรับรายงานการติดเชื้อในสหราชอาณาจักร เวิลด์โอมิเตอร์สระบุว่าในช่วง 24 ชั่วโมงเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 33,364 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 2.07 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อในอังกฤษ 1.74 ล้านคน เวลส์ ราว 123,000 คน สกอตแลนด์กว่า 112,000 คน และไอร์แลนด์เหนือ 61,942 คน ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 67,616 ราย