วันที่ 16 ตุลาคม 2563 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงการณ์ในนามพรรคก้าวไกล ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้นำเผด็จการทหาร คสช.และนายกรัฐมนตรีแถลงต่อสื่อพร้อมคณะรัฐมนตรีว่า

จากการแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาวันนี้ เรื่องการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยเบื้องต้นจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 30 วันนั้น ผมในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกลยืนยันว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของนายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เข้าเหตุให้ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง – “บิ๊กตู่” แถลงชัดไม่ลาออกแน่! ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว ลั่นอย่าท้าทายมัจจุราชเพราะคนเราตายได้ตลอดเวลา

ดังนั้น พรรคก้าวไกลขอย้ำข้อเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทันที เพราะการประกาศดังกล่าวถือเป็นการฉวยโอกาสทำ “รัฐประหารเงียบ” รวบอำนาจมาที่ พล.อ. ประยุทธ์ อดีตผู้นำคณะรัฐประหารอีกครั้ง และขณะนี้เริ่มมีสัญญานที่จะมีการใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังสลายการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ การแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมร้ายแรงเกินกว่าเหตุ การควบคุมตัวประชาชนโดยไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรมปกติ การปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน รวมไปถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ของรัฐสภา เป็นต้น

การประการสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงและการลุแก่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากไม่ทำให้ปัญหาทางการเมืองคลี่คลายลงแล้ว กลับจะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น และยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากความล้มเหลวของรัฐบาล

การแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์วันนี้ ได้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ผู้นำของประเทศไม่เข้าใจปัญหาและสถานการณ์ที่แท้จริง จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะหาทางออกให้แก่สังคมไทยได้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตระหนักถึงความล้มเหลวของตนเองและคณะในการบริหารประเทศ และปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร แต่กลับชี้นิ้วโยนความผิดไปที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ

ในภาวะเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องใช้เวทีรัฐสภาเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤต พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันลงชื่อขอให้เปิดการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร และใช้ระบบรัฐสภาในการหาทางออกจากปัญหาการเมืองโดนสันติ