สภาเดือดกลางดึก! “สหายแสง” ถึงขั้นลงจากบัลลังก์ โต้ ส.ส.ก้าวไกล ปูดงบซ่อมถนน ลั่นยินดีลาออก

สภาเดือด “สหายแสง” ลงจากบัลลังก์ โต้ส.ส.ก้าวไกล กล่าวหาแปรญัตติของบลงพื้นที่ซ่อมถนนบ้านตัวเอง ลั่นยินดีลาออกส.ส.-รองประธานสภาฯ ถ้าทำผิดจริง

เมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 17 ก.ย. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ซึ่งขอปรับลง 5.55 % โดยยกตัวอย่างโครงการที่ส.ส.พยายามแปรญัตติดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเอง เอาเงินภาษีประชาชนไปหาเสียง เช่น โครงการบูรณะทางผิวถนนแอสฟัสต์ อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่มีการทำป้ายขอบคุณส.ส.ในพื้นที่ในการปรับปรุงถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งวิธีการแบบนี้เรียกว่าสูบเลือดจากคนทั้งแผ่นดิน เพราะมีโลโก้พรรคการเมือง และชื่อส.ส.ชัดเจน

“คำถามคือการใช้เงินภาษีไปหาเสียงขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ไม่มีงบส.ส. และส.ส.ไม่สามารถดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเองได้ ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาไม่ใช่สิ่งดี ซึ่งเราควรใช้วิธีการกระจายอำนาจนำเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง ผมจึงเสนอให้ตัดงบ 5.55 % เพราะเป็นตลกร้ายใช้งบประมาณเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งรมว.คมนาคม และเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าการกระทำแบบนี้ผิดหรือไม่ จะแก้ปัญหามือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าภูมิใจเลย” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 และส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย จึงลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงในฐานะที่เป็นส.ส.ในพื้นที่ ว่า ตนขอยืนยันว่าไม่เคยประสานงานของบประมาณจาก รมว.คมนาคม ทั้งทางเอกสารและวาจา และไม่เคยทำหนังสือขอแปรญัตติ แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน แต่เมื่อประชาชน อ.บ้านแพง จ.นครพนม เดือดร้อน ถนนทรุดโทรมมานานหลายปี เรียกร้องมายังส.ส.ให้ช่วยเหลือ ตนในฐานะส.ส.ที่อยู่พื้นที่ตรงนั้นจะละเลยได้อย่างไร

“เมื่อทราบว่าเป็นความรับผิดชอบของทางหลวงแผ่นดินก็ได้ให้ลูกน้องประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่แขวงการทางว่าถนนชำรุดให้ไปดู และเมื่อเจ้าหน้าที่ลงมาดูชาวบ้านได้นัดหมายจะชุมนุมกันที่ตรงนั้น ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่ดังกล่าวและได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน ตนก็นำหนังสือมอบให้เจ้าหน้าที่แขวงที่รับผิดชอบนำไปพิจารณาแก้ไขให้ประชาชน”

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ตนไม่ทราบว่านานกี่เดือนจึงมีการซ่อมถนนตรงนี้ เมื่อตนได้ลงพื้นที่ตรงนั้นอีกครั้งก็เห็นถนนซ่อมแซมแล้ว สาเหตุที่เกิดเหตุน่าจะมาจากป้าย น่าจะเป็นความบริสุทธืใจของพี่น้องตรงนั้นที่เขาคงดีใจ คงเข้าใจว่าเป็นเพราะส.ส.ประสานงานให้จึงทำป้ายขอบคุณ ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนขึ้นป้าย และป้ายขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตนเห็นป้ายก็ไม่สบายใจจึงขอให้ชาวบ้านเอาออก

“ถ้าผมต้องหลุดจากส.ส. ส.ส.ทั้งสภาจะต้องหลุดด้วย เพราะทุกคนล้วนแต่รับปัญหาของชาวบ้านมาสะท้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟัง การกล่าวหาของนายสุรเชษฐ์เป็นเหตุรุนแรง ถ้าผมกระทำผิดกฎหมายจริงจะต้องหลุดจากส.ส. ผมจึงขอท้านายสุรเชษฐ์ หรือจะทั้งพรรคก็ได้ ว่าถ้ามีหนังสือว่าผมทำหนังสือไปของบจาก รมว.คมนาคม หนังสือแปรญัตติของบประมาณ ถ้าผมผิดจริง ผมยินดีลาออกจากการเป็นส.สเขต 1 และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทันที แต่ถ้าไม่มีนายสุรเชษฐ์จะรับผิดชอบอย่างไร การกล่าวหาคนอื่นลอยๆ แบบนี้คนอื่นเสียหายไม่ควรกระทำ” นายศุภชัย กล่าว

จากนั้น นายสุรเชษฐ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนตั้งเป็นคำถาม ถูกผิดอยู่ที่ศาลตัดสิน แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 144 จะตีความอย่างไร อยากให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น คำถามคือภาพที่ตนแสดงไปเป็นการกระทำผิดจริงหรือไม่ และหากมีการดึงงบลงพื้นที่จริงจะแก้ไขกันอย่างไร