“ซูจี” ยันตั้งใจลงชิงชัยเลือกตั้งพม่าเป็นรัฐบาลต่ออีกสมัย

วันที่ 4 สิงหาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อองซาน ซูจี มุขมนตรีของพม่า ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าตนตั้งใจเข้าชิงชัยในการเลือกตั้งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นบททดสอบความต่อเนื่องของการปฏิรูปประชาธิปไตยในพม่า

โดยเมื่อวานนี้ ซูจีในวัย 75 ปี ได้เดินทางไปสมัครในฐานะผู้ท้าชิงการเลือกตั้งท่ามกลางผู้สนับสนุนหลายสิบคนชานเมืองย่างกุ้ง โดยผู้สนับสนุนบางคนสวมหน้ากากพื้นสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีพร้อมกับส่งเสียงให้กำลังใจซูจี

ซูจีได้ขึ้นเป็นมุขมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งเชิงสัญลักษณ์ในฐานะประมุขของรัฐหลังจากพรรคเอ็นแอลดีชนะไปอย่างถล่มทลายในปี 2016 ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจากระบอบเผด็จการทหารสู่ประชาธิปไตย แม้พรรคเอ็นแอลดีจะได้ เป็นรัฐบาลแต่ด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญพม่าที่บังคับใช้ในปี 2008 ซึ่งเขียนขึ้นโดยรัฐบาลทหารพม่า ได้ให้สัดส่วนสภาในกลุ่มสมาชิกชุดแต่งตั้งจากทหาร ทำให้กองทัพพม่ายังคงมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ในหลังฉาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2017 ได้เกิดความรุนแรงทางเชื้อชาติกรณีชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ขึ้น รัฐบาลและตัวซูจีถูกลดความน่านับถือในเวทีต่างประเทศอย่างมาก จากท่าทีของซูจีที่ออกมาเชิงปกป้องกองทัพพม่าจากการใช้ความรุนแรงและการฆ่าล้างอย่างเป็นระบบกับชาวโรฮิงญาจนเสียชีวิตจำนวนมากและเกิดผู้อพยพหลายแสนคนกระจายไปยังประเทศใกล้เคียง ส่วนใหญ่ลี้ภัยไปอยู่บังคลาเทศ แต่ซูจียังคงได้รับความนิยมในชาวพม่าที่ส่วนใหญ่มีแนวคิดชาตินิยมพุทธแบบพม่า

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซูจีพร้อมคณะผู้แทนฝ่ายพม่าได้เดินทางไปยังวังสันติภาพ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกในการพิจารณาคดีที่อัยการชาวแกมเบียยื่นฟ้องพม่าฐานละเมิดสนธิสัญญาเวียนนา โดยกล่าวหาพม่ากระทำการลักษณะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวโรฮิงญา ต่อมาซูจียอมรับว่าอาจเกิดอาชญากรรมสงครามต่อชาวโรฮิงญาแต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ทั้งนี้ พรรคฝ่ายตรงข้ามของพรรคเอ็นแอลดีคือ พรรคสหสามัคคีและการพัฒนาหรือยูเอสดีพี ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นพรรคทหารของพม่า เพราะมีสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบด้วย คนในกองทัพและข้าราชการเกษียณ