ศาลรธน.มีมติเสียงข้างมาก สิระ ไม่สิ้นสภาพ ส.ส. ปมลงพื้นที่ภูเก็ต-ฉะเดือดตร.

ศาลรธน.มีมติเสียงข้างมาก สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ไม่สิ้นสภาพส.ส. ปมลงพื้นที่ภูเก็ต-ฉะเดือดตำรวจ เจ้าตัวลั่นเอาคืน 50 ส.ส.ลงชื่อคำร้อง ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย คำร้องที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 57 คน ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกสภาพการเป็นส.ส.ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(7) ประกอบมาตรา 185 (1) หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7:1 ว่าการที่นายสิระเดินทางลงไปตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างคอนโดมิเนียม เมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.2562 ที่จ.ภูเก็ต และได้แสดงพฤติกรรมและใช้วาจาไม่เหมาะสมกับพ.ต.ท.ประเทือง ผลมานะ รองผกก.ป.สภ.กะรน ผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ยังไม่เข้าลักษณะเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ส.ส. ใช้สถานะหรือตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการ หรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รับถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185(1) จนเป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(7)

ศาลให้เหตุผลว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสิระให้การยอมรับว่าได้ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบและได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ประเทือง นายกเทศมนตรีตำบลกะรน ตามที่ได้ร้องจริง แม้นายสิระจะไม่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้ลงไปตรวจสอบจากบุคคลภายนอก แต่จากการกระทำดังกล่าวมี 2 การกระทำ คือ 1.พูดจาไม่เหมาะสมกับพ.ต.ท.ประเทือง กรณีพบการก่อสร้างผิดกฎหมายแล้วไม่ดำเนินคดี และ 2.ไม่จัดเจ้าหน้าที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยนายสิระ

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของนายสิระเป็นเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ซึ่งการแสดงพฤติกรรมและการใช้ถ้อยคำของนายสิระนั้น เป็นเพียงการไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของพ.ต.ท.ประเทืองเท่านั้น

สำหรับการกระทำกรณีพูดจาต่อนายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกระรน เป็นเพียงการสอบถามข้อมูลและรับฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายกับการก่อสร้างอาคารชุดดังกล่าว เพื่อให้มีการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด จึงยังฟังไม่ได้ว่านายสิระใช้สถานะหรือตำแหน่ง การเป็นส.ส.ก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ในการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของพ.ต.ท.ประเทือง นายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกระรน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185(1)

พฤติการณ์ของนายสิระในการแสดงท่าทางและการใช้ถ้อยคำต่อพ.ต.ท.ประเทือง นายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกระรนนั้น หากบุคคลใดเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สุภาพไม่เหมาะสม ต่อสถานะหรือตำแหน่งส.ส. บุคคลนั้นย่อดำเนินการได้ตามที่รัฐธรรมนูญกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของส.ส.และกรรมาธิการ พ.ศ.2563 และมาตรมาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ซึ่งใช้บังคับกับ ส.ส.ด้วย

ด้านนายสิระ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ตนยังเป็นส.ส.อยู่ ตนจะนำไปปรับปรุงและปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศให้มากที่สุด โดยศาลวินิจฉัยว่าการเป็นส.ส.ของปวงชนชาวไทยทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและรัฐ ซึ่งทำที่ไหนก็ได้ และที่บอกว่าเป็นส.ส.ของเขตหลักสี่ ไม่ใช่ส.ส.ของจ.ภูเก็ต ต้องเข้าใจแล้วว่าเป็นส.ส. ของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ส.ส.เฉพาะเขต

ส่วนเรื่องที่ผู้ร้องเรียน ตนถือว่าเราก็เป็นนิติบัญญัติเหมือนกัน เป็นส.ส.เหมือนกัน การที่จะร้องอะไรก็ต้องรับผลตามมา ดูว่าผู้ถูกร้องได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ มีการเซ็นชื่อกันกว่า 50 กว่าคน ได้มีการอ่านคำร้องหรือไม่ เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าความผิดของผู้ร้องมีอะไรบ้าง จะได้เป็นบรรทัดฐานในการเซ็นชื่อร้อง โดยที่ไม่สอบข้อเท็จจริง ตนถือว่าวันนี้ได้ทำประโยชน์กับประเทศ คอนโดฯที่ตนได้ลงพื้นที่ในจ.ภูเก็ตก็ได้ถูกระงับการก่อสร้าง ก็รออีกนิดนึงว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นหรือไม่ ที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทั้งนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ต้องรับผิดชอบ ถ้ามีอีกไม่ใช้เฉพาะกรณีนี้ตนพร้อมที่จะไปตรวจสอบ

“ถ้าพบว่าผู้ร้องมีเจตนาหรือความผิดสำเร็จตามมาตรา 157 ผมจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ลงรายชื่อทั้งหมด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างกับส.ส. ที่ใช่ว่าจะร้องใครก็ร้อง และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เราเป็นนิติบัญญัติออกกฎหมายให้คนทั้งประเทศใช้ ฉะนั้นส.ส.จะต้องรับผิดชอบต่อตัวท่านเองด้วย มิเช่นนั้นประชาชนจะให้ความเชื่อถือส.ส.ได้อย่างไร งานนี้ถ้าพบความผิดจริง ผมเอาคืนแน่ ไม่ใช่เรื่องการจองเวรจองกรรม แต่เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ไปกระทำกับรายต่อไป ไม่ว่าท่านนั้นจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน” นายสิระ กล่าว