สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (9 มิ.ย. 2020) อ้างอิงบทวิจัยร่วมระหว่าง “เกรย์บี เซอร์วิส” และ “แอมพลิฟาย เอไอ” บริษัทวิจัยทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งชี้ว่า การครอบครองสิทธิบัตรเทคโลยี 5G ที่มีความสำคัญของ “หัวเว่ย” เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนรายนี้ยังสามารถสร้างผลกำไรจากการวางโครงสร้างโทรคมนาคมในสหรัฐได้ แม้ว่าจะถูกแบนจากรัฐบาลของ “โดนัลด์ ทรัมป์”

โดยรายงานเปิดเผยว่า จำนวนสิทธิบัตรของอุปกรณ์และเทคโนโลยีการสื่อสารที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมกว่า 80% เป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง หัวเว่ย ซัมซุง แอลจี โนเกีย อิริกสัน และควอลล์คอม ซึ่งรายงาน ชี้ว่า “หัวเว่ย” เป็นผู้ครอบครองสิทธิบัตรอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อการวางโครงสร้าง 5G มากที่สุด

ในกรณีดังกล่าว “ทีปัก สยล” ผู้อำนวยการของ “เกรย์บี เซอร์วิส” กล่าวว่า แม้ว่าสหรัฐจะแบนหัวเว่ยและจ้างวานให้บริษัทแห่งอื่นทำการวางระบบโครงสร้างโทรคมนาคม อย่างไรก็ตามสหรัฐก็ยังจำเป็นต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีที่หัวเว่ยคิดค้นขึ้นมาอยู่ดี จึงกล่าวได้ว่าจำนวนของสิทธิบัตรจะเป็นตัวแปรกำหนดผลกำไรของธุรกิจเทคโนโลยีในอนาคต

ทั้งนี้ มาตรฐาน 5G เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นตัวกำหนดให้อุปกรณ์และเทคโนดลยีของแต่ละบริษัทสามารถทำงานและสื่อสารร่วมกันได้ โดยบริษัทในอุตสาหกรรมดังกล่าวจะร่วมกันกำหนดมาตรฐานของอุปกรณ์ ด้วยความสำตัญดังกล่าวจึงส่งผลให้เกิดการต่อสู้กันว่าบริษัทใดควรเป็นผู้ครอบครองเทคโนโลยี และบริษัทใดควรได้รับค่าตอบแทนของการใช้สิทธิเทคโนโลยีเป็นสัดส่วนเท่าไหร่

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่