อดีต สมช.ชี้ ปชช.รู้ทัน คงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสะกัดม็อบไล่ แต่ทำร้ายชีวิตทำมาหากิน แถมเยียวยาล่าช้า-ไม่ทั่วถึง

31พ.ค.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงข่าวที่รัฐบาลกำลังศึกษา การยกเลิกการใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพิจารณาจะใช้กฎหมายและมาตรการใดมาดำเนินการแทน ซึ่งการคงอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ขณะนี้นั้น รัฐบาลอ้างว่า เพื่อให้เกิดเอกภาพในการจัดการแก้ไขวิกฤติการณ์โควิด-19 ทั้งที่อำนาจตามพ.ร.บ.โรคติดต่อที่มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลักนั้น บวกกับการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆร่วมสนับสนุนดำเนินการ ก็สามารถรับมือจัดการโรคระบาดโดยตรงได้อย่างมีเอกภาพเช่นกัน ฉะนั้นเครื่องมือรับมือโควิด หลังยกเลิกการใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็คือ อำนาจพ.ร.บ.โรคติดต่อ บวกผู้นำที่ไม่บ่มิไก๊ แสดงภาวะผู้นำสูงแบบนักบริหารมืออาชีพ ใช้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ร่วมกับค.ร.ม.เฉพาะกิจโควิดอย่างมีธรรมาภิบาล ก็สามารถจะสั่งการให้การปฏิบัติการแก้ไขปัญหาโควิดนี้ เป็นเอกภาพได้อย่างแน่นอน เพิ่มเติมด้วยมาตรการพื้นฐานที่สำคัญคือ หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ รัฐต้องจัดให้มีจำหน่ายอย่างเพียงพอและราคายุติธรรม มีการประชาสัมพันธ์สม่ำเสมอ ให้ประชาชนตระหนักถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม และปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆที่รัฐออกมา เพียงเท่านี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว

รัฐบาลโพนทะนาให้โควิดเป็นผียักษ์ ไว้ตีขลุมอ้างใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ แต่ประชาชนเขารู้เท่าทัน และเชื่อเพียงประการเดียวว่า ก็มีไว้เพื่อสะกัดกั้นม็อบที่จะมาไล่รัฐบาลเท่านั้นเอง โดยไม่คำนึงว่ามันจะส่งผลมาทำลายการทำมาหากิน และสร้างความแร้นแค้นให้แก่ประชาชนหรือไม่ การเยียวยาของรัฐก็ล่าช้าไม่ทั่วถึงเพียงพอ ยิ่งรัฐบาลมาใช้อำนาจของกฎหมายนี้ แบบไม่เคารพหัวใจประชาชน จึงอันตรายที่มันจะกลายเป็นบูมเมอแรงก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยเสียเอง เพราะประชาชนเขาจะสวนกลับมั่ง ขอให้รัฐบาลถ่างตารอไว้ได้เลย จะต้องเผชิญกับพายุแฟลชม็อบที่ถาโถมเข้าใส่ในเวลาอันใกล้นี้แน่ แล้วพ.ร.ก.ฉุกเฉินมันก็จะเป็นหมัน ส่วนรัฐบาลผีโควิดก็หาทางออกจากพายุให้ได้ก็แล้วกัน