‘อนุดิษฐ์’ แนะรบ.ดึงงบฯไม่เร่งด่วน งบกลาง 2 แสนล. เยียวยาปชช.-ธุรกิจ

วันที่ 28 มีนาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีการประสานกับส.ส.ภายหลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า การติดต่อและประสานกับส.ส.ของพรรคพท. ซึ่งเป็นส.ส.เขตทั้งหมดนั้น พรรคพท.จะใช้การสื่อสารผ่านไลน์ของพรรค และผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์หากมีการประชุมในเรื่องสำคัญๆ เพื่อลดการมารวมตัวกันให้มากที่สุดป้องกันความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด ในส่วนของส.ส.เขต พรรคพท.ได้ประสานให้เป็นตัวแทนรับฟังเสียงสะท้อนเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ทั้งเรื่องการจัดหาหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์อุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด รวมทั้งเป็นตัวแทนให้กับประชาชนในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ แก้ปัญหาไม่ต้องให้ประชาชนต้องเดินทางไปรวมตัวกันที่หน่วยงานรัฐช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้พบว่าปัญหาสำคัญภายหลังที่จังหวัดต่างๆได้ออกคำสั่งให้ห้างร้านปิดการให้บริการ เพื่อลดการติดเชื้อไวรัสโควิด ทำให้ประชาชนที่รับค่าจ้างรายวันต้องขาดรายได้ระหว่างที่รอกักตัวและรอคำสั่งให้ห้างร้านเปิดทำการได้ กลายเป็นปัญหาค่าครองชีพที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินเยียวยา ผ่านมาตรการทางด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านค่าครองชีพให้กับประชาชน เพราะหากปล่อยให้ประชาชนขาดรายได้ที่จะไปใช้จ่ายเพื่อดูแลปากท้องของแต่ละคนและครอบครัวเป็นเวลานาน อาจจะมีปัญหาทางสังคมตามมา เช่น การก่ออาชญากรรม จี้ ปล้น ลักทรัพย์ เป็นปัญหาซ้อนปัญหาให้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการเยียวยาทางภาคเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดจะออกพ.ร.ก.กู้เงินประมาณ 2 แสนล้านบาทนั้น ในส่วนของพรรคพท.ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและดำเนินการตามข้อเสนอของพรรคพท.เกือบทั้งหมด แม้จะยังไม่ครบทุกข้อก็ตามที่ต้องเร่งดำเนินการ คือขับเคลื่อนมาตรการเยียวยาทั้งภาคแรงงาน และภาคธุรกิจให้เกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อให้ประชาชนมีเงินมาจับจ่ายในเรื่องค่าครองชีพ โดยรัฐบาลต้องใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะกับสถานการณ์ที่จะต้องนำงบประมาณมาแก้วิกฤตไวรัสโควิด-19ให้มากที่สุด เพราะหากดูรายละเอียดของงบประมาณปี 63 จะเห็นว่านอกจากงบกลางที่มีอยู่ 9 หมื่นล้านบาทแล้ว รัฐบาลสามารถดึงงบประมาณและชะลอโครงการที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปก่อนได้ เช่น โครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม การสร้างอาคารสถานที่ราชการใหม่ งบฝึกศึกษาอบรมในต่างประเทศ เป็นต้น หากเช็กให้ละเอียดในทุกกระทรวง ทบวง กรม จะมีวงเงินอยู่ประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท เมื่อนำมารวมกับงบกลางฯก็จะได้งบประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาทมาแก้ปัญหาเยียวยาให้กับประชาชนแล้ว หากยังไม่พอและมีความจำเป็นต้องออกพ.ร.ก.กู้เงินก็ต้องกู้ ฝ่ายค้านก็ไม่คัดค้าน แต่ขอให้รัฐบาลมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เพื่อลดภาระการกู้เงินของประเทศให้น้อยที่สุด