ฝ่ายค้านเปิดเวทีแฉ ที่ตั้งบริษัทรับงาน IO รัฐเสี้ยมประชาชน ป่วยการปรองดอง

ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ 6 พรรคฝ่ายค้านจัดเวทีซักฟอกนอกสภา เวทีที่ 1 “แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง” โดยมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกชั่วคราวอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ไอโอ (IO) เป็นคำย่อจาก information operation ปฏิบัติการข่าวสารเป็นรูปแบบของการสื่อสารที่ประสงค์สื่อสารไปยังเป้าหมายเพื่อให้มีความเชื่อตามที่เราต้องการให้เชื่อ ให้เขาเชื่อความจริงที่เป็นความจริง หรือ ให้เชื่อความจริงให้เป็นความเท็จ เป็นเครื่องมือที่ใช้ปฏิบัติการทางทหาร เมื่อเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ใช้ในภารกิจป้องกันและปราบปรามความไม่สงบ ซึ่งเป็นเครื่องมือของทางทหาร

โดยประเทศทั่วไปทหารไม่ยุ่งการเมือง ไม่ได้ถูกฝึกเผชิญกับประชาชน แต่เผชิญกับศัตรู แต่บ้านเรากลับกัน เพราะ กอ.รมน. กลับเป็นหลักในการรับผิดชอบ ดังนั้นการขีดเส้นแบ่งสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญกับทหารในการป้องกันปราบปรามความไม่สงบมันอยู่ตรงไหน ถ้าเสรีภาพทหารมองว่าเป็นความไม่สงบก็กลายเป็นอันตราย ไปมองว่าประชาชนเป็นอริราชศัตรู ความเข้ม ยกระดับสร้างวาทกรรมขัดแย้ง ใช้วาทกรรม กลายเป็นสตอรี่ต่อเนื่อง

“ต้นตอเป็นทหารการเมือง มาจากการยึดอำนาจ สุดท้ายก็เอาเครื่องมือปฏิบัติการข่าวสารมาใช้ ถ้าเป็นประเทศสากล เป็นประชาธิปไตย จะไม่เกิดขึ้น“ พล.ท.ภราดร กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขบวนการไอโอ 40 ศูนย์น่าจะยกเลิกการปฏิบัติทั้งหมดแล้ว เพราะโซเชียลมีความสงบสุขขึ้น แต่สิ่งที่กังวลตอนนี้การใช้สิทธิเสรีภาพกลับถูกมองว่าก่อความไม่สงบ ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ เชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญเท่าถูกกับแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เชื่อไม่เหมือนกัน เราไม่ได้อยู่ดีๆ เพราะเกลียดกันแต่เราถูกยุยงปลุกปั่นให้เกลียดกันหรือไม่

ขบวนการไอโอต้องการใช้ความเกลียดชังหล่อเลี้ยงตัวเอง ต้องการให้ศัตรูขกับผู้สนับสนุนเกิดความเกลียดชังใช้ผู้สนับสนุนไปจัดการศัตรู เมื่อไหร่สองกลุ่มสามกลุ่มเกลียดชังกันนี่คือเป้าหมายของเขา แฟนคลับทั้งสองฝ่ายสูญเสีย แล้วเขาก็เข้ามาทำตามสัญญา เป็นหนังม้วนเก่าที่พยายามฉายซ้ำ สร้างทีเซอร์ขึ้นมาก่อนแล้วฉายโรงจริง โชคดีที่มีโควิด-19 ทำให้ฉายช้าหน่อย

นายวิโรจน์ กล่าวว่า อย่ามองการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นการก่อการร้าย โลกเปลี่ยนไปแล้ว อยากให้ตระหนกรู้และฉุกคิด ขณะนี้กำลังขายแฟรนไชส์ไปสู่บริษัทเอกชนตามแนวรถไฟฟ้า คนรุ่นใหม่รู้เท่าทัน ไม่เกลียดกันเพราะถูกสั่งให้เกลียด เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อเขารู้สึกอึดอัด เดี๋ยวโป๊ะแตกอีกรอบ

“ตอนนี้ เท่าที่สืบยังมีแค่ 2-3 กลุ่ม ออฟฟิศอยู่ตามรถไฟฟ้า ใช้คนรุ่นใหม่ไปทำงานไอโอ คิดว่าจะใช้เขาได้หรือ แอคเคาท์จริงๆ เชียร์ฝ่ายค้าน แอคเคาท์อวตารด่าฝ่ายค้านทุกวัน ต้องทำให้แฟรนไชส์เหล่านี้เจ๊งให้ได้ เมื่อไหร่ที่เจอต้องรีบบอก”

ขณะที่นายนิคม กล่าวว่า องค์กรเหล่านี้ไม่ได้เป็นองค์กรของรัฐ แต่จะแยกออกจากรัฐเพื่อใช้งบประมาณของรัฐ ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นเรื่องไม่ดี ขอให้ช่วยกันตรวจสอบ ส.ส.ต้องเอาเรื่องนี้มาพูดในสภา เชื่อว่าถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีเด็ดขาด

ด้านนางอังคณา กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงมีความหวาดระแวงประชาชนเป็นอย่างมาก การแสดงออกความหวาดระแวงต้องกำราบคนที่คิดต่าง จึงใช้ทุกวิถีทางโจมตีคนที่เห็นต่าง ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ตนก็โดนโจมตีเยอะมากโดยเฉพาะช่วงที่เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นการกระทำของคนที่มีความหวาดกลัวว่า เมื่อมีคนเห็นต่างจากตัวเองแล้วกังวลว่าคนที่พูดจะทำให้คนเชื่อถือ ซึ่งเป็นวิธีการสกปรก เวลาไปงานเราเห็นว่ามีคนถ่ายรูป เป็นพวกนอกเครื่องแบบที่คุ้นหน้าโดยตลอด สักพักก็เห็นในออนไลน์ วิธีการแบบนี้ถูกนำมาใช้มาก โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

การใช้ cyber attack โจมตีคนที่เห็นต่าง สุดท้ายปิดความจริงไม่ได้ ตอนที่นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ไปรายงานตัวที่ ปอท. ตนไปนั่งสังเกตการณ์ เพื่อให้ดูว่าคนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็นจะได้รับสิทธิมีทนายความ มีสิทธิประกันตัวหรือไม่ ปรากฏว่ามีภาพออกมาเต็มเลยว่าตนสนับสนุน ไม่เป็นกลาง มีนักร้องให้ถอดถอน

“เสียใจมากตอนที่มีการอภิปรายเรื่องไอโอในสภา แล้วนายกฯ เดินออก อยากเห็นท่านตอบในสภา ไม่น่าหนีกลับบ้าน และไม่ใช่เรื่องที่พอไปถามแล้ว นายกฯบอกผมก็โดน และพอท่านนายกฯ โดน ก็จะเป็นจะตาย ออกมาตอบโต้กันเป็นแถว แต่พอชาวบ้านโดนไม่เห็นเป็นทุกข์ร้อน” นางอังคณา กล่าว

นางอังคณา กล่าวว่า เมื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นรัฐ มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองแต่เมื่อรัฐเองกลายเป็นคนเสี้ยม ทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเป็นเรื่องใหญ่ ป่วยการมากที่จะพูดถึงสมานฉันท์ปรองดอง เพราะมีคนเสี้ยมอยู่ตลอด การเคารพความเห็นเป็นเรื่องสำคัญ ความเห็นต่างกันก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะสามารถอยู่ร่วมกันได้