ส.ว. เย้ยอนาคตใหม่ เล่นบทพระเอกถูกรังแก ดิ้นเฮือกสุดท้าย พอรู้จะถูกยุบพรรค

เย้ยอนาคตใหม่ เล่นบทพระเอกถูกรังแก ดิ้นเฮือกสุดท้าย พอรู้จะถูกยุบพรรค
เย้ยอนาคตใหม่ – เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นปมคดี ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุใจความดังนี้

การต่อสู้ทางการเมืองในเฮือกสุดท้าย เหมือนรู้ชะตาตัวเองว่า ผลของศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นใด การต่อสู้ในช่วงสุดท้าย คือการให้คู่ต่อสู้ตายตกไปตามกัน การใช้กฎหมายที่เอาเปรียบคนอื่น เป็นวิถีทางที่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการกระทำความผิด แต่เพื่อชัยชนะ จึงไม่คำนึงถึงวิธีใช้

นายเสรี ระบุต่อว่า การที่พรรคการเมืองกู้เงินจากหัวหน้าพรรค ย่อมเป็นรายได้ของพรรคการเมือง แต่มิใช่รายได้ของพรรคการเมืองตามที่ มาตรา 62 บัญญัติไว้ เงินที่เข้ามาในบัญชีพรรคการเมืองไม่เรียกว่าเป็น “รายได้” แล้วเรียกว่าอะไร

“รายได้” พรรคการเมืองอาจมีหลายลักษณะ แต่กฎหมายได้ควบคุมเงินที่พรรคการเมืองจะนำมาเป็น “รายได้” ของพรรคการเมืองนั้น จะต้องเป็นรายได้ตามที่ มาตรา 62 ข้างต้นกำหนดไว้เท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในพรรคการเมือง มิให้ได้เปรียบเสียเปรียบกัน

“การที่พรรคการเมืองกู้เงินมาใช้จ่าย โดยบอกว่าเงินกู้ไม่เป็นรายได้ตามมาตรา 62 จึงเป็นความผิดต่อกฎหมายอย่างชัดเจน ปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย จึงต่อสู้แบบเอาพรรคเข้าแลก สร้างความขัดแย้งไปทั่ว”

ตั้งแต่โต้แย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในทุกเรื่องทุกประเด็นที่ตนเองเสียประโยชน์ เพื่อเป็นข้ออ้างว่า การที่ศาลวินิจฉัยในเรื่องยุบพรรคนั้น เกิดจากการไปขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๆ ที่ศาลมิได้ไปขัดแย้งด้วยเลย สร้างวาทกรรมว่ารัฐบาลปัจจุบันมาจากการสืบทอดอำนาจ เพื่อให้สาธารณชนเกิดความรู้สึกว่าที่จะถูกยุบพรรคเพราะไปขัดแย้งกับรัฐบาล

สร้างม็อบ จัดเวที ให้ประชาชนออกมาสนับสนุน เรียกร้องหาความเป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่ปัญหาทั้งหลายตนเองเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น เล่นการเมืองแบบไม่รับผิดชอบ ซึ่งการสร้างประเด็นให้เป็นความขัดแย้งทั้งหลายข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นเป็นสัญญาณได้ว่า “รู้ชะตากรรม” ตนเองว่าเป็นเช่นใด จึงได้ใช้วิธีการต่อสู้ดิ้นรน ขัดแย้งกับทุกฝ่ายเป็นเฮือกสุดท้าย เพื่อจะบอกว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” หรือ “ถูกรังแก”