ข้าวไทยมีเสียว เวียดนามจ่อคอไทย ชิงที่2ของโลก ผู้ส่งออกจี้รัฐถึงเวลาปรับตัวครั้งใหญ่

ร.ต.ท.เจริญ  เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯคาดการณ์ปริมาณส่งออกข้าวไทยปี 2563 ไว้ที่ 7.5 ล้านตัน มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 130,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้กับปี 2562 ที่ส่งออกได้ 7.58 ล้านตัน ติดลบ 32.5% มีมูลค่า 4,206 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 25.9%  หรือ 130,543 ล้านบาท ลบ 28.3% ซึ่งเป็นปริมาณส่งออกต่ำลงในรอบ 6 ปีนับจากปี 2556 ที่ส่งได้ 6.6 ล้านตัน ทั้งนี้ สาเหตุส่งออกปีก่อนลดลงมาก คือ ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งมากถึง 10% ทำให้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง 40-50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประกอบกับความต้องการข้าวพื้นนุ่มในตลาดโลกสูงขึ้นแต่ไทยยังขาดข้าวชนิดนี้ ซึ่งการค้าข้าวโลกปีก่อนอยู่ที่ 44.87 ล้านตัน ในจำนวนนี้สัดส่วน 60% ซื้อข้าวพื้นนุ่ม และประเทศคู่แข่งส่งออกข้าวโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีน ที่มีสต๊อกสูงกว่า 100 ล้านตัน และพม่า หันผลิตข้าวเพื่อส่งออก

“ ปีนี้เป็นปีที่ลำบากของส่งออกข้าวไทย ทั้งบาทแข็ง คู่แข่งเพิ่ม หากจีนนำข้าวในสต๊อกมาดั๊มตลาด 10 ล้านตัน ตลาดโลกก็จะปั่นป่วน หลายประเทศหันมาผลิตและส่งออก และไทยยังเจอแล้งกระทบต่อผลผลิตลดลงและราคาในประเทศสูงขึ้น บวกกับเรื่องบาทแข็งอีก 3 % ทำให้ราคาข้าวไทยสูงห่างจากคู่แข่งแล้ว 80-100 เหรียญสหรัฐต่อตัน และสินค้าเรายังไม่ตอบโจทย์ จึงได้ขอให้ภาครัฐเร่งมาดูแลโดยเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องพัฒนาพันธ์ข้าวพื้นนุ่ม เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำอย่างจริงจัง และเป็นนโยบายต่อเนื่องแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล เพราะกว่าจะได้ผลผลิตและทำการตลาดให้ยั่งยืนติดตลาดได้ ต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี รัฐไม่ทำตอนนี้ อาจเสียส่วนแบ่งตลาดส่งออกข้าวโลกจากวันนี้ มาอยู่อันดับ 2 รองจากอินเดียที่ส่งออกได้ 10.60 ล้านตัน ให้กับเวียดนาม ที่ขณะนี้อยู่อันดับ 3 ที่ปีก่อนส่งออกได้ 6.85 ล้านตัน “ร.ต.ท.เจริญ  กล่าว

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯกำลังติดตามผลกระทบจากภัยแล้ง ว่าจะกระทบผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปี 2563 รอบแรกที่กำลังเก็บเกี่ยวปลายเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้เท่าไหร่แน่ ซึ่งสมาคมประเมินว่าแล้งหนักสร้างความเสียหายข้าวเปลือกหายไป 50% จากผลผลิตปกติ5 ล้านตันข้าวเปลือก เหลือ 2.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสารที่หายไปจากตลาด 1.2 ล้านตัน ยังไม่รวมนาปรังรอบ 2 ที่เริ่มปลูกเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนว่าจะมีฝนหรือมีน้ำเพียงพอแค่ไหน ซึ่งปกติต้องมีผลผลิตอีก 3 ล้านตันข้าวเปลือก ดังนั้นจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศขยับสูงขึ้น อย่างข้าวเปลือกเจ้าจากตันละ 7 พันกว่าบาทขึ้นเป็นกว่า 8 พันบาทแล้ว  และกระทบความสามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกไทยหนักขึ้น ดูจากตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคมหายไปเกือบครึ่ง

“หากแล้งหนัก ต้นทุนข้าวสูงขึ้น และสินค้าไม่ตรงความต้องการ ปริมาณส่งออก 7.5 ล้านตันอาจลดลงได้อีก  จะทำให้ส่งออกไทยหล่นจากอันดับ 2 ไปอยู่ที่อันดับ 3 ครั้งแรกของประวัติการณ์ ดูจากการคาดการณ์ของโลกมองว่าปีนี้ไทยจะส่งออก 7.5 ล้านตัน เวียดนาม 7 ล้านตันและยังเป็นประเทศที่ส่งออกโตได้ 2.19% ขณะที่มองไทยติดลบ 5% โดยที่อินเดียยังคงเป็นผู้นำส่งออกได้ 12 ล้านตัน ส่งออกข้าวไทยเผชิญปัจจัยลบมาก ทั้งบาทแข็ง แล้ง หวั่นจีนถล่มตลาด คู่แข่งเพิ่มขึ้น เวียดนามยังได้เปรียบด้านภาษีส่งออก0%จำนวน 8 หมื่นตันไปอียูตามกรอบซีพีทีพีพี(ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก)ซึ่งไทยยังไม่ได้เข้าร่วม จึงเป็นเรื่องภาครัฐต้องเร่งออกมาร่วมผลักดันและแก้ปัญหาที่ภาคเอกชนนำเสนอ หากไม่แก้ไขส่งออกไทยจะถอยลงอย่างมากในอีก 2-3 ปีข้างหน้า “ นายชูเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ มรรคยาธร เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวถุงในประเทศว่า มีแนวโน้มที่ราคาข้าวถุงในประเทศอาจขยับขึ้นเล็กน้อย หากแล้งกระทบผลผลิตและต้นทุนราคาข้าวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้เพิ่มจาก 11.50 บาท/กิโลกรัม เป็น 12.50 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากสต๊อกเอกชนหมดลง ซึ่งปกติจะมีการสต๊อก 3-4 เดือน  และการปรับราคาอาจเป็นการจัดโปรโมชั่นลดราคาน้อยครั้งลง แทนที่จะขยับขึ้นจากราคาหน้าถุงโดยตรง

“ ปลายเดือนเมษยน-พฤษภาคม อาจเห็นราคาขยับขึ้นบ้าง แต่ด้วยการแข่งขันสูงและปริมาณส่วนต่างการบริโภคลดลงในกลุ่มนักท่องเที่ยวหายไป เพราะวิตกเรื่องโคโรนาทำให้เดินทางเข้าไทยและกินข้าวออกบ้านลดลง รวมถึงจำนวนแรงงานต่างด้าวทรงตัว  อาจทำให้การขยับราคาก็ไม่น่าเกิน 5 บาทต่อถุง(15กิโลกรัม) เชื่อว่าลูกค้ารับได้ ต้องยอมรับปัจจุบันคนไทยบริโภคข้าวไม่ได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 80 กิโลกรัมต่อปีต่อคน และตลาดข้าวถุงในไทยที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ดูจากยอดนักท่องเที่ยวเดือนมกราคมหายไป คนวิตกเรื่องฝุ่นการออกนอกบ้านลดลง  ยอดขายข้าวในไทยก็ลดลง เรื่องแล้งกระทบข้าวในประเทศขาดแคลนไม่ต้องห่วงไม่มีแน่ เพราะส่วนต่างที่เพิ่มของยอดขายขึ้นกับนักท่องเที่ยวและแรงงาน “ นายสมเกียรติ กล่าว