เผยแพร่ |
---|
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยภายหลังกับผู้ประกอบการรถยนต์ เพื่อหารือถึงการออก ร่างกฎหมายกองทุนส่งเสริมและพัฒนายานยนตไฟฟ้า ว่า กฎหมายตัวนี้จะกำหนดให้ผู้ซื้อรถยนตไฟฟ้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแบตเตอรีรถยนตไฟฟ้า ลูกละไม่เกิน 1 พันบาทขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ ซึ่งจำนวนนี้จะถูกนำเข้ากองทุนเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนใช้บริหารการติดตามการกำจัดแบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อเจ้าของรถยนตไฟฟ้านำแบตเตอรี่ที่ครบอายุการใช้งานมาคืน กองทุนก็จะคืนเงินให้เจ้าของรถคันนั้น
นายพชร กล่าวว่า กองทุนนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ในการกำจัดแบตเตอรีที่หมดอายุ แต่ทำหน้าที่บริการติดตาม ว่ามีการกำจัดแบตเตอรีอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนการกำจัดหรือการrecycleนั้นเป็นหน้าที่ของค่ายรถยนต์ต้องดำเนินการเอง ซึ่ง ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีโรงงานกำจัดแบตเตอรีรถยนตไฟฟ้า จึงถูกส่งออกไปกำจัดในต่างประเทศ เช่นค่ายฮอนด้า ส่งไปที่สิงคโปร์ แล้วส่งต่อไปกำจัดที่เบลเยี่ยม
นายพชร กล่าวว่า สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้านั้นปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมมาตรการทางภาษีโดยกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในอัตราที่ต่ำกว่าปกติที่กำหนดไว้ 8% โดยในปี 2563-2565 กำหนดอัตราภาษี 0%เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการผลิตในไทย หลังจากนั้นจนถึงปี 2568 กรณีที่เป็นโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จะจ่ายภาษีสรรพสามิต 2% แต่ถ้าไม่ได้บีโอไอเสียตามปกติ 8%
สำหรับเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการกำจัดซากรถยนตเก่านั้น ไม่ได้มีการพูดถึงในที่ประชุมครั้งนี้