นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า การตัดสินใจไม่แบน สารไกลโฟเซต ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายและรัฐบาลต้องตอบคำถามต่อประชาชนชาวไทยว่า ทำไมจึงมีผู้ป่วยมะเร็งในสหรัฐฯยื่นฟ้องร้องบริษัทมอนซานโต้ผู้ผลิตสารไกลโฟเซตมากถึง 11,200 คดี ขณะเดียวกันขอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายและรัฐบาลลองไปศึกษาดูว่า ทำไมศรีลังกาประกาศยกเลิกการใช้สารไกลโฟเซตไปเมื่อปี 2558 จึงได้ทบทวนกลับมาใช้อีกในปี  2561 มีปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจกลับไปกลับมาดังกล่าว และช่วยชี้แจงต่อสาธารณชนให้รับทราบเนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยและเศรษฐกิจของประเทศ

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ความไม่ชัดเจนในการกระบวนการตัดสินใจในการแบนหรือไม่แบนสารเคมีสามชนิดและการขาดการเตรียมการรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและเกษตรกรจะซ้ำเติมความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ผู้ผลิตที่ใช้สารเคมีและประชาชนก็ไม่มีหลักประกันในเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิต การตัดสินใจควรอยู่บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และยึดถือประโยชน์และคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอาจรุนแรงขึ้นจากการลงนามประกาศใช้กฎหมายปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกงโดยผู้นำสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากต่อรัฐบาลจีน เพิ่มความเสี่ยงในการเจรจาการค้าเฟสแรกอาจไม่สามารถมีข้อสรุปได้ภายใน 15 ธันวาคม เศรษฐกิจโลกและระบบการค้าโลกกระทบหนักหากสหรัฐฯขึ้นภาษีรอบใหม่

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ทั้งนี้ไทยควรเตรียมรับมือความผันผวนในตลาดการเงินโลก ส่งออกปีหน้าอาจมีโอกาสติดลบต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก รัฐบาลต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินการคลังเพิ่มเติม หยุดนโยบายการแจกเงิน เพิ่มนโยบายสร้างงานสร้างผลผลิต ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นนำงบประมาณมาช่วยเหลือประชาชน สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเชื่อมั่นในระบบการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม