ทัพภาคที่ 4 แถลงคืบหน้าการช่วยเหลือ คนไทย​33 รายที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุม

ทัพภาคที่ 4 แถลงคืบหน้าการช่วยเหลือ คนไทย​33 รายที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุม

จากกรณีคนไทยถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียจับกุม จำนวน 33 คน เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ขณะเปิดร้านขายสินค้าบริเวณ “พลาซ่า แวดังแวร์มาร์ท” รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ฐานความผิดเข้าไปทำการค้า โดยไม่มีใบอนุญาต (Work Permit) และได้รับการปล่อยตัวแล้ว จำนวน 12 คน คงเหลืออีก 21 คน ดังที่ปรากฏเป็นข่าว นั้น

ล่าสุด​บ่าย13.30 น. ที่ค่ายสิรินธร​ อ.ยะรัง​ จ.ปัตตานี​ พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ภายหลังทราบข่าว พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4​ได้สั่งการให้กองกำลังเทพสตรี ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย และสำนักงานประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย เร่งประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนไทย ที่ถูกควบคุมตัวเร่งด่วนที่สุด
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2562 หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย พร้อมด้วยนายอำเภอสะเดา และกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ถูกควบคุมตัวและได้ประสาน งานกับตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ณ อาคารศูนย์ราชการ กระทรวงมหาดไทยรัฐเปอร์ลิส เพื่อขอให้ช่วยเหลือผ่อนปรน โดยฝ่ายมาเลเซียยินยอมให้จ่ายค่าปรับในอัตราโทษขั้นต่ำสุด คนละ 300 ริงกิต หรือ 2,175 บาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง ดำเนินตาม ขั้นตอนของกฎหมายมาเลเซียเพื่อเสียค่าปรับ และคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวกลับประเทศไทยได้ภายใน 7 วัน ทั้งนี้ได้แจ้งให้ฝ่ายญาติๆได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว

และมาตรการแก้ปัญหาในอนาคต จะเตรียมหาพื้นที่ ให้กลุ่ม คนไทยเปิดร้านค้าบริเวณชายแดนฝั่งไทยและประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำเรื่องการขอทำใบอนุญาตทำงาน “Work Permit” ให้ถูกต้องตามระเบียบที่ฝ่ายมาเลเซียกำหนดไว้ต่อไป

ส่วนกรณีที่ฝ่ายมาเลเซียได้แถลงข่าว และเผยแพร่คลิปวีดีโอ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2562 เรื่องการลักลอบขนสินค้าเข้ามาฝั่งไทย ผ่านช่องทางผิดกฎหมายโดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งไทยและมาเลเซียให้ความร่วมมือและสนับสนุน นั้น จากการตรวจสอบพบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของไทยเข้าไปเกี่ยวของแต่อย่างใด ปัจจุบันกองทัพภาคที่ 4 /ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 ได้เพิ่มความเข้มงวดในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนด้วยการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนด่านตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบบุคคล เฝ้าระวังที่ผ่าน เข้า – ออก พร้อมใช้มาตรการทางกฎหมาย กับช่องทาง ท่าข้ามที่ผิดกฎหมาย ด้วยการจัดชุดปฏิบัติการ จรยุทธ์ เข้าลาดตระเวนเฝ้าตรวจทั้ง 74 ช่องทาง ยกเว้น จุดผ่อนปรน รวมทั้งได้ทำการซ่อมแซม รั้วชายแดนที่ชำรุด เพื่อป้องกันการลักลอบขนย้ายกระสุน วัตถุระเบิด และกลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาก่อเหตุ การลักลอบขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย และสินค้าเกษตรที่รัฐบาลควบคุมทั้ง 23 รายการ ทำให้สามารถสกัดกั้นบุคคลเฝ้าระวัง และจับกุมสินค้า ผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 4 ขอประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือ ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติภายใต้กฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป