“หญิงหน่อย” ชี้ “SMEs” วัดฝีมือบริหารเศรษฐกิจ ชูมาตรการ 6 เข้มแข็ง 3 เร่งด่วน พลิกฟื้นทั้งระบบ

วันที่ 21 ตุลาคม 2562 พรรคเพื่อไทยร่วมกับสถาบันสร้างไทย และสมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย จัดงานเสวนา “พลิกวิกฤติ SMEs ไทย ให้ทันโลก” ณ ห้องเสวนาชั้น 1 พรรคเพื่อไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคได้ร่วมพูดคุยกับผู้ร่วมงานโดยเสนอว่า ตัวชี้วัดที่สำคัญว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจเป็นหรือไม่ อยู่ที่การดูแลหรือละเลย SMEs หรือไม่? เพราะวันนี้ประเทศไทยมี SME จำนวนกว่า 3 ล้านราย และผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อมเหล่านั้น ก็จ้างงานอีกกว่า 12 ล้านคน คิดเป็น 82.2% ของการจ้างงานทั้งหมด

GDP ของ SME มีมูลค่า 6.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.4% ของ GDP ทั้งประเทศ ดังนั้น ถ้า SME ตาย เท่ากับระบบเศรษฐกิจหยุดชะงัก!! สอดรับกับสิ่งที่ทีมเพื่อไทยได้พบเมื่อลงไปในพื้นที่ เราพบว่า พี่น้อง SME กำลังประสบวิกฤติหนัก ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องกู้หนี้ยืมสินต่อลมหายใจเพื่อทำการค้า รัฐบาลที่ทำงานเป็น และบริหารเศรษฐกิจเป็น จึงจะต้องให้ความใส่ใจกับการสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้พี่น้อง SMEs

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ทีมเพื่อไทยขอถือโอกาสนี้ เสนอ 6 มาตรการใหญ่ และ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลพี่น้อง SMEs

6 มาตรการสร้างความเข้มแข็งSMEs

(1)รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ดี ต้องสามารถทำให้ทั้งโลกเป็นตลาดของสินค้าไทย รัฐบาลต้องติดปีก SME ไทย ให้บินโฉบเฉี่ยว ไปขายได้ทั่วโลก
โดยการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล

(2)รัฐบาลต้องส่งเสริมให้ SMEs ได้เข้าถึงการค้าขายของโลกยุคใหม่อย่าง E-commerce

(3)สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนของSME การดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ ต้องไม่ใช่เพื่อแต่ประโยชน์ของธุรกิจใหญ่เท่านั้น แต่ต้องมาเสริมโอกาสทางธุรกิจของ SME ไทยด้วย

(4)ให้สิทธิพิเศษของคนตัวเล็กอย่าง SME การเจรจากับประเทศคู่ค้าหลักต้องเป็นไปเพื่อขยายตลาดให้ SME ไทยด้วย

ต้องช่วย SMEs ลดภาระและต้นทุนการค้าทั้งในแง่ของภาษี พิธีการศุลกากร และใบอนุญาตการค้าที่สำคัญ

(5)สร้างแบรนด์รวม Thailand Brand สำหรับคนตัวเล็กอย่างSMEs

ที่สำคัญต้องส่งเสริมให้ SMEs ไทย ที่กำลังสร้างแบรนด์ สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ

(6) ต้องทลายอุปสรรคที่ขัดขวางการสร้างธุรกิจของประชาชน ทั้งกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆที่ไม่จำเป็นแต่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของคนตัวเล็ก ไม่ใช่ออกกฎหมายมาจับผิดธุรกิจเล็กๆ จนไม่มีช่องทางทำมาหากิน

3 มาตรการเร่งด่วน

(1)ต้องส่งเสริมให้ SME ไทยที่เป็นโรงงานผู้ผลิต ปรับตัวและแข่งขันได้ในภาวะสงครามการค้าระหว่างประเทศ

(2)ต้องกระตุ้นกำลังการบริโภคภายในประเทศ ให้ SME ไทยในภาคธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ขนส่งและจัดจำหน่าย ค้าขายได้ดีขึ้น ไม่ใช่แจกเงินเจ้าสัวผ่านมือคนจน

(3)การฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเกิดขึ้น ให้ SME ไทยในภาคธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สปา เสริมความงาม มีลูกค้าที่กำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า 17 ปีที่แล้ว รัฐบาลพรรคไทยรักไทยแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจได้สำเร็จ ก็เป็นผลจากการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพี่น้อง SMEsทั่วประเทศคนทำงานพรรคเพื่อไทยเป็นคนริเริ่มพัฒนานโยบาย SMEs จนทำให้คำว่า SMEs เป็นที่รู้จัก ทำให้ธุรกิจของคนตัวเล็กตัวน้อยมีรายได้อย่างมีศักดิ์ศรี ทำให้ SME เป็น Growth Engine เสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยจนสำเร็จมาแล้ว

วันนี้พี่น้อง SME ไทยกำลังสิ้นหวัง เพราะพิษเศรษฐกิจโลก และการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลหันกลับมาดูแล ส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการรายย่อย โดยไม่มุ่งแต่อุ้มธุรกิจใหญ่แต่เพียงอย่างเดียว แบบที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้

ถ้า “บริหารเศรษฐกิจเพื่อคนทุกคนได้” ประเทศไทยจะยังคงมีทางออกจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้เสมอ