“อนาคตใหม่” งง ตั้ง “กมธ.ศึกษาอีอีซี” 2 พรรคฟาก รบ.ไม่เอาด้วยทั้งที่ร่วมยื่นญัตติ ชี้นายทุนครอบงำ

วันที่ 13 กันยายน 2562 ภายหลังสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 231 ต่อ 223 เสียง ไม่ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาผลกระทบโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พรรคอนาคตใหม่ในฐานะ 1 ในพรรคการเมืองที่เสนอญัตติด่วนดังกล่าว เปิดแถลงข่าว โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การลงมตินี้เป็นเรื่องที่คาดคิดมาก่อน เพราะตั้งแต่ยื่นญัตติเข้าสู่วาระ คือ 3 ก.ค. จนกระทั่งแถลงญัตติ 5 ก.ย. เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน ที่มีการยื้อยุดว่าจะมีการอนุญาตให้ตั้ง กมธ.ศึกษาเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องถามว่าฝั่งรัฐบาลกลัวอะไร เพราะหน้าที่ กมธ.นั้นแค่ศึกษาผลกระทบ ตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วก็นำผลมาแถลงต่อสภา ไม่มีหน้าที่ยับยั้งโครงการใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ฟากรัฐบาลก็ไม่ยินยอมให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้

“อย่างไรก็ตาม เรายังมีเครื่องมือติดตามตรวจสอบหลายทาง ทั้งงานนอกสภากับพี่น้องภาคประชาชน การตั้งอนุกรรมาธิการ ซึ่งแน่นอนว่าตนเองเป็น ปธ.กรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็จะดำเนินการตรวจสอบโครงการอีอีซีอย่างต่อเนื่องด้วย เรายืนยันว่า ทางพรรคร่วมฝ่ายค้าน และอนาคตใหม่จะดำเนินการตรวจสอบโครงการอีอีซี ดังเช่นที่เราแถลงข่าวไปแล้วว่า ต้องมีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบคอบ โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากเราจะทำงานในส่วนกรรมาธิการแล้ว เราจะเตรียมดำเนินการการยื่นร่าง พ.ร.บ.อีอีซี แก้ไขเพิ่มเติมด้วย เพราะตัวปัญหาที่แท้จริงก็คือกฎหมายประกอบการจัดตั้งโครงการนี้นั่นเอง” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

นายจิรัฐฎ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 4 จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ญัตติด่วนเรื่องนี้มาจากการยื่นญัตติ 4 พรรคการเมือง โดย มี 2 พรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล และ 2 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งผลการลงมติเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ฟากฝั่งผู้แทนรัฐบาลนั้น ไม่มีอิสรภาพในการตัดสินใจ และยังถูกครอบงำจากผลประโยชน์ ผู้มีอำนาจนายทุน หรือเจ้าสัวที่เราพูดถึง เรายืนยันทำเรื่องนี้ต่อ มีหลายกรรมาธิการที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ได้ หวังพี่น้องประชาชนคงเห็นว่าการลงมติเรื่องนี้แสดงออกถึงอะไร เจตนาของใครต้องการอะไร การอภิปรายที่มีผู้ไม่เห็นด้วยแค่คนเดียวจาก แต่การลงมติที่ออกมาชัดเจนว่าฝั่งรัฐบาลไม่ต้องการให้มีการตั้ง กมธ.นี้

ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ขอโทษพี่น้องภาคตะวันออกที่ทำให้ผิดหวัง และทำประชาชนเสียผลประโยชน์ การลงมติครั้งนี้ประชาชนแพ้ นายทุนเป็นผู้ชนะ อย่างไรก็ตามเราจะสู้ต่อ ไม่ว่าเป็นจะช่องทางไหน การลงมติครั้งนี้ประชาชนสามารถพิจารณาและตั้งคำถามเองแล้วว่า ทำไมโครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่มีการตรวจสอบ อยากให้ติดตามอย่างใกล้ชิดว่ามีการเอื้อให้นายทุน หรือกลุ่มคนใดคนหนึ่งหรือไม่

ขณะที่ นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 1 จ.ตราด กล่าวว่า แม้การตั้ง กมธ.จะไม่สำเร็จ ในส่วนพรรคอนาคตใหม่เราจะทำงานต่อไป เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ประชาชน กับโครงการใหญ่ที่เรื่องเป็นผลกระทบกับคนจำนวนมาก เรายืนยันปกป้องผลประโยชน์ผ่านหลายๆ ช่องทางเท่าที่เราจะทำได้ อยากให้ให้ประชาชนมั่นใจ