‘อุตตม’ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ถดถอยแค่โตช้า จี้รกส.เร่งลงทุนช่วยพยุงไว้ มั่นใจมาตรการกระตุ้นทำให้ปีนี้โต 3%

โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนาเพื่อมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจ เศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้เศรษฐกิจไทยยังไม่มีภาวะถดถอย แต่โตช้าลง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในภาะติดลบจากปัญหาของเศรษฐกิจโลกซึ่งการที่เศรษฐกิจโลกยังโตได้ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย ในภาวะอย่างนี้รัฐวิสาหกิจต้องเร่งลงทุน และเข้ามาช่วยประคับประคอง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ และสร้างพื้นฐานของไทยให้พร้อมเมื่อเศรษฐกิจโลกคลี่คลายทำให้ไทยพร้อมเต็มที่ในการด้าวเดินต่อไป

นายอุตตมกล่าวว่า รัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งมีเงินลงทุนรวมกันกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการลงทุนบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี เพื่อให้การลงทุนดังกล่าวเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งการลงทุนของรัฐวิสาหกิจทำให้เอกชน และประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลยังไปได้ และการลงทุนดังกล่าวช่วยสร้างความมั่นใจต่อเศรษฐกิจ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งติดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงรวบรวมปัญหาและอุปสรรค์ที่รัฐวิสาหกิจต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น รวมถึงหารือรัฐวิสาหกิจเป็นรายตัวถึงการเร่งรัดการลงทุน เช่น ในกลุ่ม คมนาคม ในเครือปตท.

นายอุตตมกล่าวต่อว่า แผนการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจช่วง 5 ปีต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศ ซึ่งหัวใจหลักคือการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่กับการใช้แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่(บิ๊กดาต้า)​ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยทำให้เกิดการพัฒนาสู่รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ทั้งนี้ตัวแทนของกระทรวงการคลังที่เข้าไปอยู่ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ต้องทำงานอย่างเข้มข้น เพราะถือเป็นตัวแทนของรัฐบาล และต้องส่วนสอดส่งดูแลการทำงานของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หากรัฐวิสาหกิจมีขีดความสามารถที่เข้มแข็งแล้วช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศทางหนึ่ง โดยในปี 2562 คาดว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐวิสาหกิจโต8 % จากปีแล้วโต 6 %ต่อปี

นายอุตตม กล่าวถึงกรณีที่มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า ขณะนี้ยังมีเวลาในการรับสมัครถึงวันที่ 20 กันยายน 2562 ซึ่งต้องทำงานต่อเนื่อง อย่าเพิ่งมองว่าน้อยเพราะเพิ่งเริ่มต้น ขอให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) มาร่วมโปรโมท คิดว่าหลังจากนี้คนจะมาร่วมกันมากขึ้น ถ้ายังมาสมัครกันน้อยอาจจะพิจารณาว่าจะมีปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับสมัครอย่างไร เพื่อให้คนเข้ามามากขึ้น ซึ่งได้กำชับให้หน่วงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าหากทุกมาตรการกระตุ้นที่รัฐบาลวางไว้เดินหน้าได้ดีทำให้เสรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3%