พปชร.แจง “ณรงค์ศักดิ์” ขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. ถกส่งคนชิงท้องถิ่นหลังแถลงนโยบาย

วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความเคลื่อนไหว ถึงกระแสข่าวทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมทาบทาม นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา ผู้ที่สร้างผลงานช่วยเหลือ 13 หมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ลงชิงผู้ว่า กทม.ในนามพรรคนั้น ล่าสุด อาจไม่มีการทาบทามนายณรงค์ศักดิ์ ให้มาลงชิงผู้ว่า กทม. เนื่องจากอาจขาดคุณสมบัติในการลงสมัครผู้ว่า กทม.ในรอบนี้

เนื่องจากในการจาก การไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป ใน วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายณรงค์ศักดิ์ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 11 ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 1 ของ จ.พะเยา

จากกรณีนี้ ทำให้นายณรงค์ศักดิ์ ไม่เข้าข่ายคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ใน ข้อ 3 ที่ระบุว่า

“ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

หรือได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นเวลาติดต่อกัน 3ปี นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง”

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า สำหรับการพิจารณาคัดสรรบุคคลของพรรคเพื่อลงชิงตำแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)โดยเฉพาะตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะเกิดขึ้นหลัง ตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป ภายหลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายเสร็จแล้ว จะตั้งคณะทำงานและกำหนดยุทธศาสตร์ในเรื่องของการเลือกตั้ง ทั้งในกรุงเทพมหานครและการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่จะให้ประธานยุทธศาสตร์ ในแต่ละภาค ไปพิจารณาคัดสรรบุคคลที่พรรคจะส่งลงสมัคร

โดยกรณีเลือกตั้งผู้ว่า กทม. จะมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นประธานยุทธศาสตร์หาเสียงการเลือกตั้งในพื้นที่กทม.ทำหน้าที่เป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก่อนที่จะนำรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อทั้งหมดมาให้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อพิจารณาคัดสรรตัวบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พิจารณา และส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.พิจารณา เพื่อออกเป็นมติพรรคต่อไป