‘กรวีร์’ เห็นแย้งปมสอบ ‘เสี่ยโต้ง’ โหวตสวน รับ ‘ภูมิใจไทย’ มีต้นทุนสูง หากทำไม่ได้ต้องรับกรรม

จากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยเปิดเผยว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผอ.พรรค เป็นประธานกรรมการฯ นายสุริยงค์ หุณฑสาร และนายธนิศร์ ศรีประเทศ เป็นกรรมการฯ เพื่อดำเนินการสอบสวนกรณีของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ กรณีโหวตสวนมติพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น 

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (16 มิถุนายน) ในงานสัมมนา เรื่อง “การเมืองเรื่องเจเนอเรชั่น นโยบายในฝัน และอนาคตเศรษฐกิจการเมืองไทย” คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัด พรรคภูมิใจไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอ่างทอง สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ได้กล่าวถึงกรณีนี้ ในตอนหนึ่งของงานสัมนา โดยระบุว่า

การเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่ได้เห็นคือพลังของคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเสียงที่หนักแน่น และเปลี่ยนอนาคตประเทศไทยได้จริงๆ ยกตัวอย่าง จ.อ่างทอง เดิมมีส.ส.ได้ 2 คน ปัจจุบันเหลือส.ส.เพียง 1 คน ตนเคยมองในมุมนักการเมือง ประเมินว่าเต็มที่พรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส. 50 – 60 ที่นั่ง และจะไม่ได้ส.ส.เขตแม้แต่ที่เดียว ซึ่งการที่พรรคอนาคตใหม่บอกว่าเป็นพรรคที่หาเสียงโดยไม่ใช้หัวคะแนน ตนมองว่าที่จริงแล้วพรรคอนาคตใหม่มีหัวคะแนน แต่เป็นลักษณะของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียติดต่อสื่อสารไปยังประชาชน นี่คือสิ่งที่พลิกโฉมในการทำงานการเมืองแบบใหม่ เราอยู่คนละพรรค แต่ต้องยอมรับวิธีการหาเสียงของคนรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไป

นายกรวีร์ กล่าวต่อว่า หลังการเลือกตั้งผลพวงของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรัฐธรรมนูญที่คนบางพวกบอกว่าได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนแล้ว ผลที่เกิดขึ้นคือวันนี้เราพยายามบอกว่าจะปฏิรูปทางการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งคือสิ่งที่พวกเราอยากเห็นหรือไม่ สำหรับตนไม่ใช่การปฏิรูปที่ตนอยากเห็น เรากำลังพาการเมืองกลับไปสมัยเมื่อหลาย 10 ปีก่อน หลังการเลือกตั้งผ่านมา 2 เดือนเศษ เรายังไม่เห็นหน้าตารัฐบาล ถามว่านี่คือสิ่งปกติของการเลือกตั้งหรือไม่ เราจะได้เห็นภาพการต่อรองของพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปมีอำนาจในรัฐบาล รวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งเราให้เหตุผลว่านี่คือการต่อสู้ เพื่อที่จะนำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนได้ไปผลักดันในสภา เราสัญญาเรื่องกัญชาไว้ ถ้าให้เราไปดูกระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ เราคงไม่ได้ทำกัญชา ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยสัญญากับประชาชนไว้ และคือสิ่งที่เราตั้งใจจะเข้าไปผลักดัน

นายกรวีร์ กล่าวว่า สิ่งที่เราได้เห็นและคงรู้สึกเหมือนกัน คือเราเห็นการต่อรองทางการเมืองจนน่าเบื่อหน่าย ผมคิดว่าวันนี้พรรคอนาคตใหม่อาจต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่เกมการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ในอนาคตพรรคอนาคตใหม่หรือพรรคเพื่อไทย อาจมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ภาพการเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ อาจจะไม่มีการต่อรองแบบนี้ด็ได้ เพราะคนที่เป็นตัวผู้เล่นในการต่อรองยังเป็นผู้เล่นคนเก่า เขาจึงมีทัศนคติแบบเก่าอยู่ จึงไม่แปลกใจที่ยังไม่ได้เห็นวิธีการในการฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เป็นแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ ทำให้เห็นความแตกต่างทางความคิดของคนสองรุ่นอย่างชัดเจนมาก ซึ่งความแตกต่างทางความคิดในสังคมไทยมีมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่น่าเป็นห่วงที่เราจะมีความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย

“ในพรรคเดียวกันเราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้ พรรคภูมิใจไทยมีคนเดียว คือส.ส.ศรีสะเกษ ที่โหวตสวนมติของพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก สิ่งที่ผมคาดหวังอยากจะเห็นในพรรค คือการพูดคุยรับฟังเหตุผลกัน ไม่ใช่ตั้งกรรมการเพื่อไปสอบสวนเขา นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นในการเปลี่ยนแปลง ไม่เฉพาะในภาพใหญ่ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานทางการเมืองภายในพรรคภูมิใจไทยด้วย” นายกรวีร์ กล่าว

นายกรวีร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายคนจดจำพรรคภูมิใจไทย จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ว่าเป็นพรรคกัญชา ตนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ถือเป็นต้นทุนที่สูงมากของคนในพรรค ว่าจะทำอย่างไรที่ประชาชนจะได้เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยทำนโยบายที่หาเสียงไว้ได้จริง ถ้าเราทำไม่ได้คงต้องรับชชะตากรรมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น สิ่งสำคัญคือพรรคต้องสร้างความจดจำให้ได้มากยิ่งขึ้น