‘ธนาธร’ ลุยต่อ! งานนอกสภา บุก “พังงา” รับฟังปัญหาสารพัด พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ “อนาคตใหม่กับการเมืองท้องถิ่น”

“ธนาธร” ลุยต่อ งานนอกสภา บุก “พังงา” รับฟังปัญหาเกษตร ที่ทำกิน ชาติพันธุ์ การท่องเที่ยว พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ “อนาคตใหม่กับการเมืองท้องถิ่น”
___

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่สนามกีฬากลางเทศบาลเมืองตะกั่วป่า จ.พังงา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ และนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนจากพื้นที่ภาคใต้ ร่วมเวทีรับฟังปัญหาของชาวบ้านใน อ.ตะกั่วป่า โดยเป็นบทบาทในฐานะผู้แทนราษฎรนอกสภาครั้งที่ 3 ทั้งนี้ มีตัวแทนเกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว รวมไปถึงตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกินมาร่วมนำเสนอปัญหา

นายธนาธร กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาต่างๆ ว่า ในด้านการเกษตร ทางพรรคอนาคตใหม่จะสนับสนุนในเรื่องการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า และทำให้เกิดอุตสาหกรรมการแปรรูปให้เกิดในท้องถิ่น การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ จะพลักดันในเรื่องการทำให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างรัฐ หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่ใน 2 ข้อนี้ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าพรรคอนาคตใหม่ยังทำไม่ได้เพราะจะต้องเป็นฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล แต่ทางพรรคจะสามารถทำได้โดยการยื่นกะทู้ถามในสภา ส่วนปัญหาเรื่องชาติพันธุ์ ทางพรรคได้มี ส.ส.ที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มชาติที่พันธุ์เข้าไปพลักดันเรื่องการเข้าถึงสิทธิ์ด้วยตัวเองและทางพรรคเองก็มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเขตคุ้มครองพิเศษทางวัฒนธรรมที่ทางกลุ่มตัวแทนได้นำเสนอในที่ประชุมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้าย นายธนาธร กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยกันพลักดันประเด็นกฎหมายเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะเป็นประเด็นใหญ่เหมือนกันทั้งประเทศไม่ว่าจังหวัดไหน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของชุมชนโดยคนในชุมชนเอง เพราะจะเป็นผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุด และยังจะช่วยให้ศักยภาพของคนในชุมชน ของคนในจังหวัดได้รับการปลดปล่อยทำให้ เพราะยังมีคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีศักยภาพ อยู่ในชุมชนอีกมากและความคิดกับศักยภาพเหล่านี้จะได้รับการปลดปล่อย
และในส่วนการเมืองท้องถิ่นทางพรรคต้องการเขย่าการเมืองท้องถิ่นเพราะเป็นการเมืองที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด เพื่อนกระดับคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น และผู้ที่จะสมัครลงรับเลือกตั้งแบบท้องถิ่นจะต้องมีนโยบายและมีวิสัยทัศน์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง