“พิชัย” แนะเร่งกู้ความเชื่อมั่นก่อนวุ่นวาย ห่วงเลือกตั้งไม่โปร่งใสฉุดเศรษฐกิจทรุด

วันที่ 1 เมษายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้เคยเตือนตั้งแต่การเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหาความโปร่งใสแล้ว ปรากฏว่าการเลือกตั้งใหญ่กลับมีปัญหามากขึ้นไปอีก ตั้งแต่การประกาศจำนวนผู้ลงคะแนนที่มีเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ จากเดิมที่บอกมีผู้มาใช้สิทธิ 65.96% เพิ่มเป็น 74.69% หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 4.49 ล้านคน อย่างไม่มีเหตุผล และ เป็นการแถลงของ กกต. เอง ซึ่งใช้เวลาหลายวันกว่าจะแถลงได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาแล้วว่า บัตรลงคะแนนมีมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ เลยไม่แน่ใจว่ามีการเพิ่มผู้มาใช้สิทธิให้เท่ากับบัตรใช่หรือไม่ จนมีศัพท์ใหม่ว่า “บัตรเขย่ง” ทั้งนี้ยังไม่นับปัญหาอื่นๆอีกมากที่มีหลักฐานชัดเจน เช่น คลิปการนับคะแนนโดยไม่โชว์บัตร คลิปการนับบัตรดีบัตรเสียของแต่ละพรรคต่างกัน คลิปที่นายทหารเข้าไปมองและกำกับการลงคะแนนของพลทหาร หรือ แม้กระทั่งจำนวนผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งทั้งประเทศของ กกต ที่ต่างกัน 34,000 คน ในการแถลงสองครั้ง สร้างความสงสัยอย่างมากแก่ประชาชน จนทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่มีความน่าเชื่อถือเหลืออยู่แล้ว ขนาดมีประชาชนเข้าชื่อกันแล้วกว่า 8 แสนรายแล้วที่จะขอปลด กกต. ชุดนี้เพราะความไม่โปร่งใส อีกทั้งเริ่มมีการชุมนุมเพื่อเพิ่มรายชื่อปลด กกต. และโพลสำรวจก็พบว่า ประชาชนไม่มีความเชื่อถือ กกต. อีกต่อไป มีประชาชนเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์เพียง 7.02% เท่านั้น

“การที่ผู้นำเหล่าทัพต้องออกมาเรียกร้องให้ประชาชนเชื่อใจ กกต. ยิ่งตอกย้ำว่า กกต. ไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว และ ก็ไม่แน่ใจว่า เหตุใด ผู้นำเหล่าทัพจึงต้องออกมาเรียกร้องให้ประชาชนเชื่อใจ กกต. ถ้ากกต. ไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปน่าจะมีความผิดปกติของการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีกมาก จนน่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความผิดปกติมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย” นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้ นายพิชัยกล่าวว่า นานาชาติก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดย สหรัฐ อังกฤษ และ อียู ก็ได้แถลงการณ์เรียกร้องให้มีความชัดเจนโปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจากสภาวะที่เป็นอยู่จะทำลายความเชื่อมั่นของประเทศทำให้ประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือในสายตาของนานาชาติ และจะทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ลงไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก ในขณะที่ทั้งโลกกำลังกังวลกับ Yield Curve Inversion ที่ผลตอบแทนการฝากเงินในระยะยาวกลับน้อยกว่าผลตอบแทนในการฝากเงินในระยะสั้นซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของทั้งโลกได้ แต่ไทยกลับยังไม่สามารถก้าวพ้นภาวะปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยาวนานมากว่า 10 ปีแล้วได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดต่อเนื่องต่อไป ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้สร้างความโปร่งใส และ สร้างความเชื่อมั่นใจให้กลับมาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องเกิดความวุ่นวายทางการเมือง และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน