“สุดารัตน์” แจง “ชัชชาติฟีเวอร์” เราทำงานร่วมกัน ปัดพูดคุยเรื่องจับมือ “ปชป.”

วันที่ 1 มกราคม 2562 เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน (วัดประชาธิปไตย) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร นายอนุสรณ์ ปั้นทอง อดีตส.ส.เขตบางเขต พรรคเพื่อไทย และคณะร่วมกันทำบุญตักบาตรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่กับประชาชนที่พาครอบครัวมาทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความชัดเจนหากพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ว่า ถ้าเป็นไปตามที่ประกาศไว้ว่า พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 2 ม.ค. เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งแน่นอน

ดังนั้นความชัดเจนในการปฎิบัติหน้าที่เป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการหรือเป็นรัฐบาลรักษาการจะไม่มีอำนาจในการใช้งบประมาณและไม่มีอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ โดยทำหน้าที่ปฎิบัติงานตามวาระประจำเท่านั้น เพื่อให้งานของแต่ละกระทรวงขับเคลื่อนไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง

ทั้งนี้เหตุที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการใช้งบประมาณและไม่มีอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ เพราะอาจไปเข้าข้างพรรคของตนเองหรือพรรคที่จะสนับสนุนตนเอง โดยในอดีตที่ผ่านมาการเลือกตั้งทุกครั้งก็วางหลักเกณฑ์แบบนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ครั้งนี้แปลกประหลาดกว่าทุกครั้ง เพราะมีการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบอำนาจเต็ม เหมือนกับไม่ได้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง รวมทั้งยังมีมาตรา 44 ทำให้เกิดความกังวลต่อความเชื่อมั่นทั้งคนไทยและนานาประเทศที่มีต่อการเลือกตั้ง เพราะอำนาจการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์และไม่ยุติธรรม ทำให้คนในประเทศและนานาชาติไม่เชื่อมั่นและไม่ยอมรับก็จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าประเทศ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ดังนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม รวมถึงอำนาจที่ตนเองถืออยู่อย่างมากมายจะทำอย่างไรที่ไม่ใช้อำนาจเหล่านั้นมายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายสิบรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลรักษาการที่มีกติกาและมีมารยาท ไม่ใช้อำนาจโยกย้ายและไม่ใช้งบประมาณในทางที่ให้เกิดความนิยมกับคะแนนเสียงของตนเอง แต่ครั้งนี้กลับทำได้หลายอย่างและมีมาตรา 44 ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการเลื่อนเลือกตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะประชาชนต้องการเลือกตั้ง ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงมีกระแสข่าวนี้และก็รอฟังความชัดเจนอยู่เหมือนกัน คาดว่าหลังจากนี้คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่เคยติดต่ออะไรมา หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งคิดว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากพรรคการเมือง คนที่รอการเลือกตั้งคือประชาชนส่วนใหญ่ และเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกับผู้ค้าผู้ลงทุนอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่าหากพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งยังไม่ประกาศจะเป็นสัญญาณว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า คงต้องรอดูความชัดเจนก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทย จะไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้ไปพูดคุยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ทำสีหน้างง ก่อนกล่าวว่า “ไม่มีการพูดคุยกับใครใดๆทั้งสิ้น” พร้อมหันไปสอบถาม น.อ.อนุดิษฐ์ ว่ามีข่าวแบบนี้ด้วยเหรอ พร้อมกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดคุยใดๆกับใครเลย เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ ขณะนี้ต้องเสนอนโยบายให้กับประชาชน และยังยืนยันว่าตนไม่ทราบเรื่อง เพราะหลายคนต้องทำหน้าที่หาเสียงก่อน

เมื่อถามย้ำว่า ในอนาคตเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคเพื่อไทย จะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราคงลำบากใจ เพราะพรรคเพื่อไทยอยากให้เกิดการคืนประชาธิปไตย เพื่อให้หมดข้อกังขา และ ให้ผู้ค้าต่างประเทศรวมถึงนักลงทุนกระเตื้องขึ้นได้ โดยมีทางเดียวคือความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล ดังนั้นคนที่เราจะทำงานด้วย ต้องเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่ได้สนับสนุนอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ และไม่เป็นพรรคการเมือง ที่สนับสนุน คสช.

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม ถูกวางให้อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยแทน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กระแสข่าว แต่เราได้พูดคุยกันในพรรคแล้ว โดยตน กับนายชัชชาติ จะทำงานด้วยกัน และส่งเสริม ซึ่งกันและกัน