วันที่ 17 ธันวาคม 2561 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงที่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะคงค้างสูงเป็นประวัติการณ์ โดยในช่วง เดือนมิถุนายน 2557 เดือนแรกที่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหาร พบว่ามีหนี้สาธารณะ 5,655,420 ล้านบาท แต่ในปัจจุบันนี้พบว่าหนี้สาธารณะได้พุ่งสูงขึ้นถึง 6,780,953 ล้านบาท โดยแยกเป็นหนี้ของรัฐบาล 5,450,220 ล้านบาท หากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหนี้สาธารณะเดิม พบว่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 1,125,533 ล้านบาท และยังไม่มีมีทีท่าว่าจะลดลงเลยในปัจจุบัน ซึ่งตัวเลขแบบนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะไทยเราขาดการเติบโต

“ทางเศรษฐกิจตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยส่วนใหญ่แย่ลง ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ขนาด นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ ยังออกมายอมรับว่าที่ต้องแจกเงิน เพราะประชาชนกำลังจะอดตาย เป็นเพราะรัฐบาล คสช. ทุ่มอัดเม็ดเงินไปเฉพาะที่โครงการประชารัฐหรือไม่ จึงทำให้โครงการที่สำคัญๆ ต่างๆ อาทิเช่น รถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ กลับยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และการที่ตัวเลขหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นทุกวัน ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะสะสมมากมาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเกิดความสงสัยว่า รัฐบาล คสช. ใช้งบประมาณไปในทิศทางใดบ้าง และรัฐมีผลงานอะไรบ้างที่บ่งชี้ให้ชัดเจนว่าประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งในขณะนี้ประชาชนโดยส่วนใหญ่มีความหวังว่าหลังวันเลือกตั้งเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่หากเราได้รัฐบาล คสช. กลับมาอีกครั้ง ใครจะรับประกันได้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้น หรือจะอยู่ในวังวนเดิมๆ ต่อไป” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว