‘หญิงหน่อย’ชี้สถานการณ์ปัจจุบันเลวร้าย ไม่เคยเจอคนพูดว่าไม่ไหวแล้วกลับมาช่วยกันนะมากเท่าครั้งนี้

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ห้อง 109 อาคารปัญญาพิพัฒน์ สถาบันสิทธิมนุษยชนเเละสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตัวเเทนสถาบันสร้างอนาคตไทย จัดกิจกรรมรับฟังหัวข้อ สร้างประชาธิปไตยขั้นหมู่บ้าน เพ่อรองรับประชาธิปไตยขั้นประเทศ ร่วมเเลกเปลี่ยนโดยนักวิชาการเเละนักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ บนเวทีถกเเถลงเชิงวิชาการเรื่อง “ปฏิรูปประชาธิปไตย จากชุมชนฐานราก สู่ประเทศ”

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่า 86 ปี ของการพัฒนาที่ไม่ไปไหน รากฐานเกิดจาการแย่งชิงอำนาจของรัฐราชการที่นำโดยทหารกับตัวแทนประชาชน ข้ออ้างที่มาล้มประชาธิปไตยคือเรื่องการโกงและความวุ่นวายทางบ้านเมือง ท่องเป็นนะโมเลยว่าโกงกับวุ่นวายทางบ้านเมือง เเต่เราปฏิวัติ 4 ปีครั้ง ก็มีข้อครหาเรื่องการโกงเช่นเดียวกัน และนับวันก็มากขึ้น เรื่องความวุ่นวายดูก็อาจจะดูดี เพราะมีปลายกระบอกปืนเลยเหมือนไม่วุ่นวาย แต่ว้าวุ่นกันทั้งประเทศ เพราะผลของการรัฐประหารมาขัดขวางการเติบโตของประชาธิปไตย

“เราพูดถึงเรื่องคุณธรรม คนดี คนไม่ดี มันกลายเป็นเรื่องที่ว่ารัฐราชการที่เข้ามาสถาปนาตัวเองเป็นคนดีทุกครั้ง แต่ตอนจบก็จะเห็นทุกครั้งว่าจบเป็นคนดีหรือไม่ดีอยู่เสมอ ดังนั้น ผลของการขัดขวางการเจริญเติมโตของรัฐบาล คือการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ และโอกาศของคน ผลคือเราเห็นความเหลื่อมล้ำโตขึ้นทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร ความเหลื่อมล้ำในทุกด้านโตขึ้นในขณะที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย นี่เป็นผลที่เกิดขึ้นและพิสูจน์ได้จาก 4-5 ปีมานี้ ประชาชนยากลำบากมาก”

“ไม่เคยเดินพบปะชักชวนคนมาเป็นสมาชิคพรรคครั้งใดที่เจอคนมาเขย่าตัวเองและพูดว่าเขาไม่ไหวแล้ว กลับมาช่วยกันนะมากเท่าครั้งนี้ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ปัจจุบันมันเลวร้ายกว่าครั้งอื่น และปัจจัยการพัฒนาของการรัฐประหาร การแย่งชิงอำนาจไม่ผ่านประชาชนได้พัฒนาไปลึกมากกว่านั้น เดิมรัฐประหารอยู่กัน 1-2 ปี แต่วันนี้โร้ดแมปทั้งหลายไม่ใช่การคืนประชาธิปไตย แต่คือโร้ดแมปการสืบทอดอำนาจภายให้หน้ากากประชาธิปไตย”

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนวาทกรรมที่บอกว่านักการเมืองเลวและต้องปฏิรูปก่อน มาดูของการปฏิรูปในปัจจุบันว่าประชาชนได้อะไรนอกจากการบิดเบือนเสียงประชาชน เพราะมี สว.มาจากการแต่งตั้งเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วยังมีองค์กรที่มาควบคุมกำหนดให้ไม่สามารถใช้นโยบายได้

“ที่น่าห่วงมากว่าการกระจายอำนาจสู่ประชาชนไม่มีเลย มีแต่รวบอำนาจสู่ส่วนกลาง ดังนั้นทางรอดทางเดียวคือการกระจายอำนาจสู้ท้องถิ่น อย่าดูถูกประชาขน เสียงคนทุกพื้นที่เท่าเทียม เเละสิ่งที่น่ากลัวคือการรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง อย่างเห็นได้ชัด ในอนาคตข้างหน้าเราจะเห็นปัญหามากขึ้นเมื่อไม่มีประชาธิปไตย ความเหลื่อมหล้ำของประขาชนยิ่งมากขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์