“ธนาธร” ชี้ จนท.มั่นคงมาตามติด=ริดรอนเสรีภาพ งบประมาณรัฐสูญเปล่า บางส่วนมาคุกคามกิจกรรม

แฟ้มภาพ

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม พรรคอนาคตใหม่ จัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ – Future Forward Party โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ร่วมดำเนินรายการ

โดยกล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ และนับต่อไปจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ จะเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ มากมาย เนื่องจากทางพรรคมีความฝันที่ใหญ่ ที่อยากจะดำเนินงานทุกด้านที่มีคุณค่าไปพร้อมๆ กัน และก็รู้สึกดีใจที่ทุกกิจกรรมของพรรค ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน และได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเมืองไทย กลับมาคึกคัก สร้างสรรค์อีกครั้ง

สำหรับประเด็นเรื่องการสอบ GAT/PAT ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมขณะนี้ เนื่องจากทาง สทศ. ได้ประกาศวันสอบออกมา เป็นวันที่ 23-26 ก.พ. 62 ซึ่งได้กำหนดมานานแล้ว ซึ่งก็เผอิญไปตรงกับวันเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ ได้มีการกำหนดไว้ว่า เป็นวันที่ 24 ก.พ. 62 ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่ถ้ามันตรงกัน ก็จำเป็นที่จะต้องเลื่อน เพราะการสอบไม่ควรที่จะตรงกับวันเลือกตั้ง เนื่องจากมันเป็นสิทธิ์ของนักเรียนมัธยมทั่วประเทศที่ไม่ควรจะต้องได้รับผลกระทบ ยากลำบากในการเลือกตั้งมากไปกว่าผู้อื่น จากการกำหนดวันเลือกตั้ง และวันสอบโดยรัฐ ให้วันมาชนกันเช่นนี้

และแม้จะสามารถขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าได้ แต่มันก็คือสัปดาห์ก่อนสอบ ซึ่งนักเรียนทุกคนก็ควรจะได้ใช้เวลาในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบอย่างเต็มที่ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองของตนเองอย่างเสมอภาคกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องของจำนวนคนที่ได้รับผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหน และไม่ใช่เป็นเพราะว่าทางพรรคกลัวที่จะเสียคะแนนเสียงของเด็กรุ่นใหม่ไป
แต่คนอายุ 18-25 เหล่านี้ ทางพรรคยืนยันมาตลอดว่า พวกเขาไม่ใช่แค่คะแนนเสียง แต่ว่าเป็นอนาคตของประเทศ และถูกพรากสิทธิ์เลือกตั้งมาแล้ว นานนับ 7 ปี และต้องเติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งที่แตกหัก มากที่สุดยุคหนึ่งในสังคมไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่คนกลุ่มนี้จะได้ส่งเสียงออกมาสู่สังคมไทย
แต่ในเรื่องนี้ ก็ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้วจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้บอกให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ ไปเลื่อนวันสอบ ไม่ให้ตรงกับวันเลือกตั้ง

สำหรับคาราวานรับสมัครสมาชิกพรรค ใน 6 จังหวัด เชียงใหม่ อยุธยา ระยอง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช นราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งของศูนย์ประสานงานพรรค ประจำภูมิภาค เหนือ กลาง ตะวันออก อีสาน ใต้ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ซึ่งก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกคัก สนุกสนาน โดยที่ นายธนาธร และ น.ส.พรรณิการ์ ได้มีโอกาสไปเดินแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์การรับสมัครสมาชิกพรรค และนั่งรับสมัครสมาชิกด้วยตนเองอีกด้วย
” ใบปลิว ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ แต่เป็นความผูกพันต่อกันระหว่างพรรคการเมืองกับพี่น้องประชาชน ที่เราได้ส่งถึงมือของเขาจริงๆ เค้าได้พบกับเรา พูดกับเราแบบตัวเป็นๆ เราไม่ได้ห่างไกลกัน เราไม่ได้อยู่แค่ในสื่อ หน้าจอเท่านั้น ดังนั้น เราจะเดินหน้าต่อไป ไปเคาะประตูบ้าน พบปะพูดคุยพี่น้องประชาชน ให้มากที่สุด ” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

และจากการไปร่วมขบวนคาราวานในครั้งนี้ ก็ทำให้ได้เห็นบรรยากาศที่ประชาชนตื่นตัว มีความหวัง อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง หวนกลับมาอีกครั้ง ในทุกพื้นที่ ที่เราได้ไปพบปะพี่น้องประชาชน ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน เชื่อมั่นและศรัทธาในตนเองว่า เราจะช่วยกันผลักดันต่อไปให้การเลือกตั้ง เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

แต่นอกจากประชาชนจะให้การต้อนรับพรรคอนาคตใหม่อย่างอบอุ่นแล้ว ในส่วนคาราวาน การเดินสายพบปะประชาชนของ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ในพื้นที่อีสานใต้ 5 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีพี่น้องตำรวจทหาร มาร่วมติดตามขบวนคาราวานด้วยอย่างมากมาย ซึ่งได้สร้างบรรยากาศความหวาดกลัว ให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชน ทั้งๆ ที่ทาง กกต. ได้อนุญาตอย่างชัดเจนแล้ว ให้ทุกพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมในการรับสมัครสมาชิกได้ ซึ่งนอกจากพรรคอนาคตใหม่ ก็ยังมีพรรคอื่นๆ อีก ที่มีกิจกรรมเดินสายไปตามพื้นที่ รับสมัครสมาชิกพรรคเช่นกัน จึงอยากจะขอความเป็นธรรม และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติต่อทุกพรรคการเมือง อย่างเท่าเทียมกัน มิใช่เกิดความหวาดระแวง เฝ้าติดตามเฉพาะบางพรรคเท่านั้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ที่ทางพรรคอนาคตใหม่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเฝ้าติดตามไปยังที่ต่างๆ

และโดยส่วนตัว นายธนาธรเห็นว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ ในกิจกรรมการรับสมาชิกของพรรคการเมืองเลย เพราะทุกกิจกรรมก็ได้รับการอนุมัติจาก กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่จึงเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพ และยังเป็นการใช้งบประมาณของรัฐ อย่างไม่ถูกต้องและสูญเปล่าอีกด้วย ที่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายสิบคนมาเฝ้าติดตามทีมงานของพรรค และบางครั้งก็ถึงขั้นคุกคามผู้เข้าร่วมกิจกรมกับทางพรรคอีกด้วย

นายธนาธรยังได้เชิญชวนเรื่องการรับสมัครผู้ประสงค์ลงแข่งขันเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะจัดงานใหญ่ open house เป็นงานเปิดบ้านพรรคอนาคตใหม่ รับสมัคร ส.ส. ขึ้น ในวันที่ 27 ต.ค. นี้ ที่สำนักงานใหญ่ของพรรค ตึกไทยซัมมิท ชั้น 5 เป็นบรยากาศของการพบปะ พูดคุย เพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ที่จะร่วมสร้างอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน รวมถึงการรับสมัครผู้มีใจอาสาทำงานร่วมสร้างอนาคตใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง คณะทำงานกรรมการจังหวัด กรรมการสาขาพรรค ซึ่งการรับสมัครทั้งหมด สามารถสมัครได้ด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ของพรรค หรือศูนย์ประสานงานพรรคทุกที่ และสามารถสมัครได้ทางออนไลน์ จากทั่วทุกมุมโลก

เพราะ การทำงานของพรรคอนาคตใหม่ จะเน้นการทำงานการเมืองในระยะยาว ไม่ใช่จบลงที่ฤดูการเลือกตั้งเท่านั้น คนที่จะทำงานการเมืองไปกับพรรคอนาคตใหม่ จะไม่ใช่แค่ ส.ส. ที่ได้เข้าไปในสภา เท่านั้น แต่ในทุกจังหวัด เราจะมีคณะกรรมการจังหวัด ที่จะทำงานอยู่กับประชาชนในพื้นที่ตลอดเวลา ในระยะยาวต่อเนื่อง
ซึ่งเราจะมีการรับสมัครและเลือกตั้งอย่างเป็นระบบจากประชาชนในท้องที่ในทุกจังหวัด โดยคณะกรรมการจังหวัดเหล่านี้ จะทำหน้าที่ในการเผยแพร่อุดมการณ์พรรค การหาสมาชิกเพิ่มเติมให้พรรค การช่วยเหลือสมาชิก การร่วมระดมทุนในจังหวัด
การจัดกิจกรรมต่างๆ ในการทำให้พรรคเจริญเติบโต ทำให้อุดมการณ์ของพรรคเป็นที่ยอมรับในคนหมู่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเราเชื่อว่า ทุกคนที่อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ได้ต้องการ และไม่ได้จำเป็นต้องเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภา ทุกคน

สุดท้าย ยังได้มีการประชาสัมพันธ์ถึงงาน Future Fest ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3-4 พ.ย. นี้ ที่ Jam Factory ซึ่งเป็นงานเทศกาลศิลปวัฒนธรรมครบทุกหมวดหมู่ ศิลปะ ดนตรี อาหาร การแสดง ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องศิลปวัฒนธรรมอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ และการเมืองนั้นได้แทรกอยู่ในทุกมิติของชีวิตและวัฒนธรรม

” เวลากลุ่มคนที่มีอำนาจ ต้องการยึดอำนาจไว้ให้นาน ไม่สามารถยึดอำนาจด้วยปืน ด้วยกฎหมายเท่านั้น เพราะมันไม่ยั่งยืน ประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านแข็งขืนในที่สุด ดังนั้น กลุ่มคนที่มีอำนาจถ้าเล่นเป็น จะไม่ใช้ คุก ปืน แต่จะใช้ เพลง หนังสือ วรรณกรรม หนัง วัฒนธรรม เอามาล้างสมอง ไม่ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง ไม่คิดสวนทางกับสิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เชื่อ นั่นก็คือพลังของวัฒนธรรม ซึ่งอนาคตใหม่ เราอยากจะเปลี่ยนแปลงสังคม และเราเชื่อว่า สังคมนี้ จำเป็นต้องมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อจะมาต่อกรกับวัฒนธรรมหลัก จารีตประเพณีหลัก ที่จะคอยดึงสังคมให้ล้าหลัง ไม่ก้าวไปข้างหน้า และนั่นจึงเป็นที่มาของงานนี้ ” นายธนาธรย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของงานนี้