การรุกคืบ ยึด ประชาธิปัตย์ พลังแฝง รวมประชาชาติไทย

ยิ่งวันการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าภายในพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งดุเดือด เข้มข้น

แม้จะมี 3 ผู้เข้าชิง แต่ นายอลงกรณ์ พลบุตร เรียบๆร้อยๆ

ตรงกันข้าม การสัประยุทธ์ระหว่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างหากที่ร้อนแรง ไม่เพียงแต่ในพื้นที่สงขลา หากแต่ที่ชุมพรก็ไม่บันเบา

วันที่ 23 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ไป วันที่ 24 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเท่ากับเป็นการเดินสายหาเสียงทับรอย

แล้วจากนั้นไส้กี่ขดต่อกี่ขดในชุมพรก็สะท้อนให้เห็นจุดร้าวลึกที่ดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์

ถนนทุกสายสะท้อนถึง “สงครามตัวแทน”เด่นชัด

ต้องยอมรับว่าการปรากฏขึ้นของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ทำให้ปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเขย่า ตะกอนที่เคยนอน ก้นก็โผล่ปรากฏ

อาจเด่นชัดที่สงขลา ตามมาด้วยชุมพร

สงขลาอาจไม่มีอะไรซับซ้อนซัดกันตรงๆระหว่างกลุ่ม นายนิ พนธ์ บุญญามณี กับ กลุ่ม นายถาวร เสนเนียม

แต่ที่ชุมพรมากด้วย”กลยุทธ์”

หาก นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รัก อดีตส.ส.ชุมพร ไม่ออกมาเปิดโปกลางบ่อนคนวงนอกก็จะไม่เข้าใจ

โดยเฉพาะบทบาทของ นายชุมพล จุลใส

“ถึงแม้ว่า นายชุมพล จุลใส จะมีชื่อลงนามสนับสนุนรับรองหัวหน้าอภิสิทธิ์ให้ลงสมัคร แต่ในความเป็นจริงหาเสียงให้นพ.วรงค์ เวลา นายสุเทพเดินทางมาชุมพรก็ไปต้อนรับ”

หากเป็นไปตามที่ นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รัก แถลงจริงก็ต้องคารวะให้หลายจอก

เพราะนี่คือ วิทยายุทธ์ อันมีลักษณะเฉพาะทางการเมือง

 ต้องยอมรับว่า การต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้มิได้หมายถึงการรักษาตำแหน่งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น

หากแต่เท่ากับเป็นการป้องกัน”ประชาธิปัตย์”

เพราะหากตำแหน่งเป็นของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็หมายถึงการรุกคืบเข้ามาของ “รวมพลังประชาชาติไทย”

เท่ากับเป็นสาขาของ”คสช.”เด่นชัดขึ้น