วันที่ 21 กันยายน 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มระดับโลกประกาศไม่ส่งพนักงานไปประจำสำนักงานหาเสียงทางการเมืองเพื่อสนับสนุนก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐฯช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่เคยทำมาแล้วอย่างตอนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016

โดยเฟซบุ๊กระบุว่า โซเชียลแพลตฟอร์มอาจเสนอให้ความช่วยเหลือกับผู้สมัครในระดับโลกมากขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนผ่านช่องทางออนไลน์แทนการส่งตัวพนักงานไป และมองว่าองค์กรทางการเมืองควรสามารถพบปะกับทีมงานเพื่อรับการฝึกขั้นพื้นฐานในการใช้เฟซบุ๊กหรือความช่วยเหลือเพื่อโฆษณาได้รับการรับรอง

ด้านบริษัทผู้ใช้บริการโซเชียลแพลตฟอร์มอื่นอย่างอัลฟาเบ็ตของกูเกิลและทวิตเตอร์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะถอนการสนับสนุนบุคลากรหรือไม่

การประกาศถอนการสนับสนุนมีการรายงานโดยบลูมเบิร์กเป็นที่แรก โดยระบุว่า ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และกูเกิล ให้การบริการแบบ กึ่งที่ปรึกษาด้านดิจิตัล ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 ซึ่งมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลน่าและมหาวิทยาลัยยูทาห์ที่ทำศึกษาพบเอกสารที่มีการเผยแพร่เข้าเมื่อปีที่แล้ว

การประกาศยุติให้การสนับสนุนครั้งนี้ ได้ชี้ถึงบทบาทของบริษัทใหญ่ด้านดิจิตัลคอนเท้นต์และบริษัทโฆษณาออนไลน์ ว่ามีการให้ความช่วยเหลือมานานเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับบริษัทโฆษณาชั้นนำให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ความเกี่ยวข้องของเฟซบุ๊กกับการรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ ได้ทำให้มีการตรวจสอบจากสมาชิกสภา หลังเกิดเหตุฉาวของเคมบริดจ์ แอนาไลติก้า ที่ดึงข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊กไปทำข้อมูลสำหรับใช้วางแผนหาเสียงอย่างไม่ถูกต้อง และในการให้การต่อสมาชิกสภาสหรัฐฯเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กระบุว่าพนักงานไม่ได้เฉลียวใจต่อการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง จากการมีความสัมพันธ์กับเคมบริดจ์ แอนาไลติก้าระหว่างช่วงเลือกตั้ง