‘ฮิวแมนไรท์ วอทช์’ จี้ คสช. ยกเลิกข้อห้ามลิดรอนสิทธิฯ-คืนเสรีภาพให้ปชช.รับการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง

วันที่ 14 กันยายน 2561 ฮิวแมนไรท์ วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ให้รัฐบาล คสช.ของไทยดำเนินการยกเลิกคำสั่งห้ามต่างๆเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึงหลังจากที่ พรป.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ประกาศใช้เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ บรรดากฎหมาย นโยบายและหลักปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ที่ใช้อยู่นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ได้ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองรวมตัวจัดตั้ง แสดงความคิดเห็นหรือรณรงค์หาเสียงได้อย่างเสรี ส่งผลทำให้ประเทศไทยยังไม่มีบรรยากาศที่สะท้อนถึงการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียของฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าวว่า การเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามาหลังจาก 4 ปี ของการรัฐประหาร รัฐบาลทหารของไทยต้องฟื้นฟูเสรีประชาธิปไตยแก่ชาวไทยและพรรคการเมืองให้ได้มีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้อย่างเต็มบริบูรณ์ ดังนั้นรัฐบาล คสช.ต้องยกเลิกคำสั่งห้ามและคืนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การรวมตัวและชุมนุมอย่างสันติ

ฮิวแมนไรท์ระบุด้วยว่า ตลอดเวลา 4 ปี รัฐบาล คสช.ครองอำนาจที่ไร้การตรวจสอบด้วยการลอยนวลเหตุล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจบังคับเซ็นเซอร์และปิดกั้นการถกเถียงในที่สาธารณะเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยหลายครั้ง อีกทั้งรัฐบาล คสช.ยังดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวและผู้เห็นต่างหลายร้อยคนด้วยข้อหาร้ายแรง อาทิ ปลุกปั่นให้กระด้างกระเดื่อง (ม.116) พรบ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ (ม.112) จากการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ การชุมนุมเกิน 5 คน กลายเป็นเรื่องต้องห้าม หรือการเรียกประชาชนนับพันคนเพื่อกดดันให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหาร คุมตัวพวกเขาได้ 7 วัน โดยไม่มีสิทธิเข้าถึงทนายความหรือความคุ้มครองจากการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง

ฮิวแมนไรท์ วอทช์ ยังเรียกร้องสหประชาชาติและมิตรประเทศของไทยแสดงจุดยืนไปยังรัฐบาลทหาร คสช.ว่า 1) ยุติการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสมและไร้การตรวจสอบตามมาตรา 44 และ 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 2) ยุติข้อจำกัดหรือการปิดกั้นเกี่ยวกับสิทธิในการแสดงออกการรวมกลุ่มและการชุมนุมอย่างสันติ 3) ยกเลิกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง 4) ปล่อยตัวประชาชนที่ถูกควบคุมตัวจากการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหาร คสช.อย่างสันติ 5) ถอนฟ้องข้อหาปลุกปั่นและคำฟ้องทางอาญาอื่นๆที่เกี่ยวกับการแสดงจุดยืนตรงข้ามกับรัฐบาลทหารอย่างสันติ 6) โอนการดำเนินคดีพลเรือนที่อยู่ในอำนาจของศาลทหารกลับคืนสู่ศาลพลเรือนเพื่อได้รับกระบวนการยุติธรรมอย่างมีมาตรฐาน 7) รับประกันความปลอดภัยและบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนรวมถึงถอนฟ้องคดีความต่างๆที่มีมูลเหตุจูงใจเรื่องการเมือง และ8) อนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งที่เป็นอิสระและเป็นกลางเข้าทำหน้าที่ติดตามการรณรงค์หาเสียง การดำเนินการเลือกตั้งและรายงานออกสู่สาธารณชน

ทั้งนี้ นายอดัมส์กล่าวว่า ยูเอ็นและมิตรประเทศของไทยต้องแสดงจุดยืนออกสู่สาธารณะว่าพวกเขายอมรับการเลือกตั้งที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลเท่านั้น การเลือกตั้งจะไม่สามารถเกิดขึ้นอย่างเสรีและเป็นธรรมได้ หากสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวไทยตามระบอบประชาธิปไตยยังถูกปราบปรามอย่างหนัก