กทม. เตือนเด็กเล็กเสี่ยงติด ‘โรคมือ เท้า ปาก’ พื้นที่ ‘หนองจอก-พญาไท-ปทุมวัน’ ระบาดหนัก

วันที่ 27 สิงหาคม 2561 นพ.ชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สถิติการเจ็บป่วยด้วย “โรคมือ เท้า ปาก” ณ วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยสะสม จำนวน 38,000 ราย โดยเป็นผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 6,000 ราย แต่ปัจจุบันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว สำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีอายุระหว่าง 0-4 ปี รองลงมา 5-9 ปี โดยพื้นที่เขตพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก มากที่สุด ได้แก่ เขตหนองจอก เขตพญาไท และเขตปทุมวัน ตามลำดับ สำหรับโรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่สามารถแพร่ระบาดได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบอัตราผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยแต่ละปีพบมีอัตราป่วยเฉลี่ยประมาณ 2,000 ต่อเดือน ส่วนแหล่งที่พบการระบาดของโรค คือ สถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ทำให้สำนักอนามัยมีความห่วงใยสุขภาพอนามัยประชาชน โดยเฉพาะเด็กเล็กก่อนวัยเรียนที่มีอายุ 0-5 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย หากเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ หากยังพบการระบาด ขอให้ประชาชนแจ้งหน่วยงานของกทม.ทันที หรือติดต่อกองควบคุมโรคติดต่อ

นพ.ชวินทร์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันโรคมือ เท้า ปาก จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการเกิดโรคดังกล่าว โดยเบื้องต้นประชาชนสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้ 1.กินร้อนช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังปัสสาวะ อุจจาระและไม่กินน้ำแก้วเดียวกัน 2. เข้มคัดกรอง เมื่อพบว่าเด็กมีไข้ เจ็บปาก น้ำลายไหล ไม่กินอาหาร แนะนำให้ตรวจในช่องปาก ลิ้นเหงือก กระพุ้งแก้มว่ามีตุ่มหรือแผลไม่และตรวจดูฝ่ามือ ฝ่าเท้าว่ามีตุ่มแดงหรือตุ่มพองใสหรือไม่ หากมีให้รีบแยกเด็กเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อทันที จากนั้นให้เด็กกลับบ้านและหยุดเรียนเป็นเวลา 7 วัน 3.ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอื้ ราวบันได ลูกบิดประตู ห้องส้วมและเครื่องเล่นเด็ก โดยใช้ผงซักฟอกละลายน้ำเช็ด ตามด้วย น้ำยาคลอรอกซ์ หรือไฮเตอร์ โดยให้เช็ดอีกรอบทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ส่วนของเล่นที่เข้าปากใช้ผงซักฟอกเช็ด ล้างน้ำสะอาดแล้วผึ่งแดด

นพ.ชวินทร์ กล่าวอีกว่า 4. การปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ควรปิดเมื่อมีเด็กป่วยมากกว่า 2 รายในห้องเดียวกัน โดยปิดเฉพาะห้องที่เด็กป่วย 7 วัน และหากมีเด็กป่วยมากกว่า 5 คนในห้อง หรือมากกว่า 1 ห้อง ให้ปิดโรงเรียน 5 วัน และทำความสะอาดตามข้อ 3 พร้อมโทรแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขหรือสำนักงานเขตที่ใกล้สถานศึกษา เพื่อเข้าควบคุมป้องกันโรค และ 5.หลังเปิดเรียน เน้นคัดกรองเด็กป่วย