อาชญา ข่าวสด : ตับ “แตก” ทะลุ DSI คดีปริศนา ตายคา “ห้องขัง”

เป็นเหตุอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงของดีเอสไอในฐานะหน่วยงานยุติธรรมได้มากทีเดียว

สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาในคดีสำคัญก่อเหตุผูกคอ เสียชีวิตอยู่ภายในห้องขังของดีเอสไอ

หนำซ้ำเมื่อแพทย์นิติเวชตรวจสอบ และระบุสาเหตุการตาย ว่าเกิดจากเลือดออกในช่องท้อง ตับแตก เนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก และขาดอากาศหายใจ

ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่ามีการกระทำที่นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่หรือไม่

ซึ่งอาจจะเป็นระดับเจ้าหน้าที่ หรือยิ่งไปกว่านั้นเพื่อปิดปากพยานสำคัญในคดีนี้หรือไม่

จึงถือเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ และกระทรวงยุติธรรม ที่จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง เปิดเผยต่อสังคม

เอาให้กระจ่าง เพื่อให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา


ช็อกที่ดินพังงาผูกคอดับ

เหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 30 สิงหาคม เมื่อ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ร่วมแถลงกรณี นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.พังงา สาขาท้ายเหมือง ผู้ต้องหาความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผูกคอฆ่าตัวตายในห้องขังดีเอสไอ

โดย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ เผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าพนักงานศูนย์สะกดรอย ดีเอสไอ จับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาในคดีทุจริตที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต โดยใช้อำนาจหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ขณะกบดานอยู่ในบ้านพักย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี

จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยนำตัวไปที่ส่วนควบคุมผู้ต้องหาของดีเอสไอ ห้องหมายเลข 6008 เพื่อเตรียมนำไปขออำนาจศาลฝากขังในวันที่ 30 สิงหาคม

ทั้งนี้ ตั้งแต่รับตัวมาในเวลา 15.45 น. ของวันที่ 29 สิงหาคม ผู้ต้องหามีอาการวิตกกังวล เครียด และกระสับกระส่าย เจ้าหน้าที่นำอาหารมาให้กิน แต่ก็กินได้เพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เดินไปเดินมาในห้องควบคุม ก่อนจะล้มตัวลงนอน

จนกระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 30 สิงหาคม นายธวัชชัยแจ้งว่าแสงในห้องควบคุมสว่างไปทำให้นอนไม่หลับ ขอให้ปิดไฟ แต่เจ้าหน้าที่อธิบายว่าตามระเบียบไม่สามารถปิดไฟได้ นายธวัชชัยจึงนอนบนที่นอน แล้วใช้ผ้าคลุมใบหน้า นอนตะแคง

ต่อมาเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่เดินมาตรวจหน้าห้องควบคุมอีกครั้ง เห็นผู้ต้องหานั่งหันหลังพิงประตู จึงเคาะเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าผู้ต้องหาใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเองกับขอบบานพับประตูห้องควบคุม แต่มีลมหายใจอยู่ จึงช่วยปั๊มหัวใจ แล้วรีบนำส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ แต่ช่วยไม่ได้ และเสียชีวิตในเวลา 04.45 น.

ซึ่งเบื้องต้นญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และเตรียมนำศพไปบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจในพิธีทางศาสนา

แต่เมื่อผลนิติเวชระบุออกมาว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากการขาดอากาศหายใจ แต่มีอาการตับแตก และเลือดออกในช่องท้องด้วย

ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนญาติของนายธวัชชัย ประกาศไม่เผาศพ

จนกว่าข้อเท็จจริงจะกระจ่าง

ญาติโวยผลตรวจพบ”ตับแตก”

โดย นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายนายธวัชชัยระบุว่า เมื่อคดียังมีเงื่อนงำครอบครัวจึงตัดสินใจยังไม่เผาศพ เพื่อส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา ตรวจสอบอีกรอบ เพราะหากเร่งเผาศพพี่ชายก็จะเป็นการทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ ยังติดใจกับการให้ข้อมูลของ รปภ. ที่ระบุว่า พี่ชายใช้ชายเสื้อตัวเองผูกคอตาย แต่หัวหน้าผู้ควบคุมห้องขัง ระบุว่า ใช้ถุงเท้า เมื่อขอตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็เห็นเพียงด้านหน้า ไม่มีภาพในห้องขัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าไม่ได้ติดไว้ เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์

หลังจากเกิดคำถามมากมาย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ก็ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ตับแตกและมีเลือดออกในช่องท้อง อาจเกิดจากการปั๊มหัวใจผิดพลาด เพราะถ้าทำผิดวิธีก็ส่งผลให้ซี่โครงหัก นอกจากนี้ แพทย์ไม่พบบาดแผลตามร่างกายของผู้เสียชีวิต

เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ประวุธ ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุผลต้องทำร้ายร่างกาย เพราะจับกุมดำเนินคดีแล้ว และหากมีการซ้อม หรือทำร้ายร่างกาย นายธวัชชัยก็น่าจะแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตถึงการปั๊มหัวใจว่าอาจทำให้นายธวัชชัยตับแตก นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ออกมาชี้แจงว่า แพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ รับแจ้งเหตุคนเป็นลมหมดสติ ไม่ใช่การแจ้งว่ามีคนผูกคอตาย และยืนยันว่าแพทย์ปั๊มหัวใจ หรือซีพีอาร์ ตามมาตรฐานวิชาชีพ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ขาดออกซิเจน และการปั๊มหัวใจมีเทคนิคและวิธีปฏิบัติบริเวณช่องทรวงอกเพื่อให้มีผลต่อหัวใจ และปอด ส่วนตับอยู่ช่องท้องคนละช่อง กั้นจากกันด้วยกระบังลม

การปั๊มหัวใจจึงไม่ใช่สาเหตุให้ตับแตกและตกเลือดในช่องท้องได้

แถมยังโพสต์เฟซบุ๊กระบุอีกว่า ในความเห็นส่วนตัวฐานะเคยเป็นเสนาธิการฝ่ายยุทธการและการข่าว เชื่อว่าการเสียชีวิตของนายธวัชชัย เป็นการฆาตกรรมที่มีเจ้าหน้าที่ภายในดีเอสไอรู้เห็นเป็นใจกับมือสังหาร

เพื่อหวังให้กระทบต่อดีเอสไอให้ตกในฐานะผู้ร้ายทางสังคม !??

เมื่อถูกโจมตีขนาดนี้ ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ต้องออกมาปกป้ององค์กร โดยถามกลับว่า เป็นมนุษย์ประเภทไหน มีข้อมูลมากน้อยเพียงใด เป็นกรรมการตรวจสอบหรือไม่ ถึงออกมาพูดให้สังคมสับสน

การออกมาพูดแบบนี้ไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ เป็นถึงนายพล เป็นถึงแพทย์ ต้องมีจรรยาบรรณ ตอนนี้เป็นคดีความ ข้อเท็จจริงอยู่ในสำนวนการสอบสวน จะพูดไปเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ”

หลังจากนี้จะให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปดูข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายความผิด ทำให้องค์กรเสียหายหรือไม่

ถ้ามีช่องทางก็ต้องดำเนินคดี

ยธ. ตั้ง กก.สอบ-ตร.เค้นคดี

ส่วนเรื่องการสอบหาข้อเท็จจริง พล.อ.ไพบูลย์ ระบุให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งกรรมการสอบสวน โดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเป็นประธาน นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักงานยุติธรรมเป็นกรรมการ

และให้แพทย์จาก 3 สถาบัน ประกอบด้วย รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี และ รพ.ศิริราช เข้ามาร่วมด้วย โดยมีอำนาจหน้าที่หาสาเหตุและดูว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามารับผิดชอบหรือไม่ โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 15 วัน

จากนั้นจะดำเนินการ 2 ประเด็นคือ 1.หากพบมีมูลว่าเจ้าหน้าที่กระทำผิดก็ต้องดำเนินการทางวินัย และ 2.หากเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา กระทรวงก็ต้องไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ส่วนการผ่าชันสูตรพลิกศพในครั้งที่ 2 หรือ 3 ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนและญาติ

ขณะที่คดีความอยู่ในความรับผิดชอบของ สน.ทุ่งสองห้อง ที่เป็นพื้นที่เกิดเหตุ ได้รับเป็นคดี และเรียกสอบสวน นายชยพล หวานชะเอม ในฐานะหัวหน้างานควบคุมผู้ต้องหา และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ รองหัวหน้างาน

ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่า ทั้งคู่ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฆ่าตัวตายของผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่พบเห็นเหตุการณ์ ก็เร่งให้ความช่วยเหลือโดยทันที แต่ไม่สามารถช่วยได้ทัน โดยการปั๊มหัวใจทำ 2 ส่วน คือเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ และแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล

พร้อมยืนยันว่าไม่มีกล้องวงจรปิดในห้องขัง เพราะถือเป็นการละเมิด

โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและจำลองเหตุการณ์แล้ว และเรียกสอบเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ญาติผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ เพื่อเตรียมสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในดีเอสไอยืนยันว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว ยืนยันได้ว่า ไม่ปรากฎพบว่ามีใครเข้าไปในห้องขังช่วงจังหวะเวลาที่เกิดเหตุผูกคอดังกล่าวอย่างแน่นอน มีการสรุปในเบื้องต้นแล้วว่า ไม่น่าจะเกิดจากการฆาตกรรมแต่อย่างใด

สำหรับต้นเหตุของคดี สืบเนื่องจากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าแจ้งความกับดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่า

จนสอบสวนพบว่ามีที่ดิน 7 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท อยู่ในเขตแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ และพบว่านายธวัชชัยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินที่ลงนามออกโฉนดโดยไม่มีอำนาจ จึงขออนุมัติหมายจับ ซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คนหนึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำเกาะสมุย อีกคนถูกจับที่ จ.ภูเก็ต

โดยนายธวัชชัย ถูกให้ออกจากราชการตั้งแต่ปี 2546 และหลบหนีคดีเรื่อยมา ทั้งคดีที่ถูกร้องที่ ป.ป.ช. และศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนกระทั่งมาถูกจับและเสียชีวิต

ขณะที่ส่วนของเอกชน เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ครอบครองที่ดิน 3 รายในข้อหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติ และที่ดินของรัฐ

ถือเป็นอีกคดีที่ปล่อยให้เงียบหายไม่ได้เช่นกัน