ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 8-14 กันยายน 2560

ขอแสดงความนับถือ/[email protected]

แม้จะถูกล้อเลียนว่า เป็น “นักร้อง” (เรียน)

ด้วยแทบทุกสัปดาห์

“ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย”

จะส่งอีเมลรายงาน “มติชนสุดสัปดาห์” และคงหมายรวมถึงสื่อทั่วไป โดยสม่ำเสมอ ว่า “จะทำ หรือ ได้ทำ” อะไรในสัปดาห์นั้น

ซึ่งก็ขอขอบคุณ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นการ “รับทราบ”

มากกว่าจะเป็น “การบอกต่อ”

แต่สัปดาห์นี้

“รับทราบ” อย่างเดียวไม่ได้ ต้อง “บอกต่อ”

 

แถลงการณ์ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

เรื่อง ขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรม “ผักชีโรยหน้า” ในการลงพื้นที่สร้างภาพของนายกรัฐมนตรี

ตามที่ปรากฏว่ามีชาวบ้านหมู่ 14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ร้องเรียน ภายหลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา

โดยจัดสรรให้เกษตรผู้ยากไร้ รายละ 6 ไร่

แยกเป็นแปลงที่อยู่อาศัย 1 ไร่ แปลงเกษตรกรรม จำนวน 5 ไร่ รวม 65 ราย

ซึ่งมีการสร้างถนนทางเข้าหมู่บ้าน ทำระบบประปา โดยสูบน้ำบาดาลมาใช้ได้

ในขณะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดน้ำจากวาล์วปิด-เปิดประปาให้น้ำไหลเข้าสู่แปลงเกษตรกรรม

ส่วนไฟฟ้าได้ติดตั้งเสาไฟฟ้าตลอดข้างทางเข้าไปในหมู่บ้าน

สามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ

แต่หลังจากนายกรัฐมนตรีกลับไปแล้วเพียงข้ามคืน

เสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าถูกรื้อกลับหมด น้ำประปาถูกตัดขาด

ชาวบ้านไม่มีน้ำรดต้นไม้และพืชผักที่ปลูกไว้เริ่มเหี่ยวเฉา

วัวโครงการโคบาลบูรพาที่เลี้ยงไม่มีน้ำให้กิน

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่าการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีลักษณะพฤติกรรม “ผักชีโรยหน้า” ของระบบราชการไทยนั้น

กรณีดังกล่าวไม่ใช่เป็นกรณีแรกของสังคมไทย

ที่เหล่าข้าราชการส่วนใหญ่จะใช้เป็นกลวิธีหลอกลวงสาธารณะ

เพื่อสร้างภาพให้ผู้บริหารประเทศหรือผู้บังคับบัญชาหลงผิดต่อความจริงว่านโยบายของตนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้เกิดมรรคผลอันดีเลิศประเสริฐศรีแล้ว

และสามารถเอาไปคุยโม้โอ้อวดหลอกประชาชนได้เต็มที่

แต่ในที่สุดความจริงก็คือความจริง

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของระบบราชการไทยได้ชัดเจนที่สุดในยุคนี้ พ.ศ. นี้

นอกจากนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการปกปิดข้อมูลข่าวสารสาธารณะอันเกี่ยวเนื่องจากการจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถือได้ว่าเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 59 ประกอบมาตรา 73

และเข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 343 ประกอบมาตรา 341 และ 342(2)

แห่งประมวลกฎหมายอาญาโดยชัดแจ้งที่ว่า “ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน” ซึ่งมีโทษทางอาญาค่อนข้างสูงด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมใคร่เรียกร้องมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

ได้โปรดสั่งการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและเอาผิดลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการไปสร้างกิจกรรม “ผักชีโรยหน้า”

สร้างภาพหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเสียโดยเร็ว

และขอเรียกร้องให้หยุดการจัดประชุม ครม.สัญจร ได้แล้ว เพราะการลงพื้นที่ของ ครม. และหรือนายกรัฐมนตรีแต่ละครั้งจะต้องมีการใช้ทหารและตำรวจมาอารักขาถึง 2-3 พันคน ต้องสูญเสียงบประมาณเบี้ยเลี้ยงและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เป็นภาษีของประชาชนจำนวนมากให้กับบุคลากรเหล่านี้

เพียงเพื่อมาสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อไปวันๆ เท่านั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องไปทำเสแสร้งอยากใกล้ชิดประชาชน

แถลงมา ณ วันที่ 2 กันยายน พ.ศ.2560

นายศรีสุวรรณ จรรยา

เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

 

อ่านจบแล้ว

คิดฮอดหนังสือรวมเรื่องสั้น “ฟ้า บ่ กั้น” (พ.ศ.2501) ของ ลาว คำหอม

ในนั้นมี 17 เรื่อง คือ คนพันธุ์, นักการเมือง, เขียดขาคำ, คนหมู, หมอเถื่อน, ชาวไร่เบี้ย, ชาวนาและนายห้าง, ไพร่ฟ้า, กระดาษไฟ, ฟ้าโปรด, สวรรยา, อุบัติโหด, แขมคำ, ป้าย, ยมทูต, เป-โต และ อีกนานเธอจะรู้

ผ่านมาจะครบ 60 ปี

“ผักชีโรยหน้า” เหมาะเป็นเรื่องสั้นที่ 18 คัก-คัก เจ้านาย!