เจาะเทคนิตสงครามกด(จอง)บัตร ที่มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้! แล้วทำไมไทยจะนิยมเค-ป๊อปลดลง ?

กว่าจะได้มานั่งสวยๆ รอรับความสนุกในคอนเสิร์ตหรืองานแฟนมีตติ้งของเหล่าโอปป้าและไอดอลจากเกาหลีไม่ใช่เรื่องง่าย

แฟนคลับแต่ละคนต้องเผชิญอะไรมากมาย

ตั้งแต่ด่านแรกสุดหินคือ การ “กดจองบัตร” ความยาก-ง่ายวัดกันที่ความดัง

ยิ่งดังราคาก็ยิ่งแพงตามไปด้วยโดยเฉพาะบอยแบนด์ระดับท็อปอย่างเช่น เอ็กโซ (EXO) บังทันบอยส์ (BTS) และวอนนาวัน (WANNAONE) จัดกี่รอบบัตรก็หมดแบบทำสถิติ

แม้แต่บอยแบนด์ระดับตำนานอย่างวงซูเปอร์จูเนียร์ (Super Junior) วงทงบังชินกิ (TVXQ) และวงเจวายเจ (JYJ) รวมไปจนถึงนักแสดงอย่างซงจุงกิ คิมซูฮยอน และพัคโบกอม ยังไม่ทันได้กะพริบตาบัตรก็เกลี้ยง…

แฟนคลับระบุ มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้

อาวุธสำคัญที่ต้องพกลงสมรภูมิคือ ความเร็วอินเตอร์เน็ต และแต้มบุญ!!

มาดูที่ขั้นตอนการกดจองที่เหล่าแฟนคลับต้องเจอ มี 2 วิธีคือ กดจองในเว็บไซต์ของผู้จัดหรือผ่าน AllTicket เมื่อได้หลักฐานว่าจองได้แล้วจะต้องรีบชำระเงินที่เคาน์เตอร์และตามเวลาที่กำหนดเวลาไว้ภายใน 1 ชั่วโมง

และอีกวิธีคือ ซื้อผ่านร้านสะดวกซื้อ พร้อมทั้งต้องยื่นบัตรประชาชนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

เข้าใจว่าผู้จัดต้องการป้องกันกลุ่มนักค้าบัตรเข้ามาหาประโยชน์ แทนที่จะเป็นเหล่าแฟนคลับที่มีความตั้งใจเข้ามาดูโชว์จริงๆ

แต่คิดว่าไม่น่าจะได้ผล

ขอเล่าถึงประสบการณ์ตรงที่ได้ลองซื้อบัตรคอนเสิร์ต “EXO PLANET #4 – The ElyXiOn – in BANGKOK” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความยากกว่าจะได้บัตรมาสักใบ

เชื่อได้เลยว่าแฟนคลับบางรายต้องบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยก็มี

คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดรวม 3 รอบ ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2561 และเปิดจำหน่ายบัตรเมื่อเร็วๆ นี้

เหล่าเอ็กโซแอล (EXO-L ชื่อแฟนคลับของวงเอ็กโซ) ส่วนหนึ่งเข้าแถวรอตั้งแต่ก่อนเปิดจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการในเวลา 11.00 น. ใน 15 นาทีแรกแม้แต่พนักงานร้านสะดวกซื้อยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบกดจองบัตรได้เลย กว่าที่คิวแรกจะได้บัตรก็ผ่านไปแล้ว 25 นาที คิวต่อจากนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะพนักงานแจ้งบัตรเต็มแล้ว

แต่ยังไม่หมดหวัง ในกรณีที่ผู้กดจองบัตรไม่สามารถมาชำระเงินได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด บัตรจะเข้าสู่ระบบอีกครั้ง

สงครามย่อมๆ อีกรอบก็อุบัติขึ้น บัตรที่เหลือตกค้างแต่ละโซนไม่ถึง 10 ใบ ก็ถูกกวาดเรียบในช่วง 10 วินาที

กว่าสงครามจะสงบลง เวลาก็ล่วงเลยมาถึง 12.30 น.

แต่สงครามใหญ่ต้องมีหลากหลายกลยุทธ์!!

ก่อนหน้านี้ได้สำรวจในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก เกิดปรากฏการณ์รับกดบัตรเป็นจำนวนมาก

และถือเป็นอีกช่องทางของแฟนคลับที่พลาดจากการจองบัตร ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1) กลุ่มแฟนคลับที่ผันตัวเองมารับกดบัตร เพื่อนำรายได้มาซื้อบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตเช่นกัน

2) กลุ่มที่นำเข้าสินค้าจากเกาหลีอยู่เดิม เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ก็มาเพิ่มการรับกดบัตร เพราะได้กำไรดี

และ 3) กลุ่มนักค้าบัตรมืออาชีพ (มักเห็นพวกเขาหน้าคอนเสิร์ต พร้อมคำติดปากมีบัตรไหมครับ สอบถามได้) ซึ่งแต่ละรายจะมีการกำหนดเงื่อนไขและราคาที่แตกต่างกัน

เฉพาะค่าดำเนินการกดบัตรราคาจะอยู่ที่ราคา 500-5,000 บาท/ใบ เงื่อนไขทั้งหมดลูกค้าจะต้องแบกรับความเสี่ยงและต้องตรวจสอบให้ดีว่าจะถูกโกงหรือไม่

เช่น จะต้องโอนค่ากดบัตรมาก่อน และไม่คืนเงินหากมีการยกเลิกทุกกรณี

กรณีที่กดบัตรไม่ได้ จะโอนเงินค่าจองกลับ ซึ่งลูกค้าจะต้องถูกหักค่าธรรมเนียมอีก 25 บาท

ยิ่งไปกวานั้นกรณีที่ลูกค้ากำหนดโซนที่นั่งชัดเจนเพื่อให้อยู่ใกล้ชิดกับไอดอลให้ใกล้ที่สุดจะต้องจ่ายเพิ่มสำหรับค่า “ความยาก” อีกราว 1,500 บาท

บางรายกำหนดต้องโอนค่ากดจอง 50% จากราคาบัตรก็มี ผู้รับกดบัตรบางรายก็มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือชาร์จเพิ่มทุกบัตรทุกใบในราคาเดียวที่ 1,000 บาทเท่านั้น

และเมื่อลองสำรวจผ่านเว็[ไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการจองบัตร เช่น StubHub พบว่าราคาบัตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ของเอ็กโซถูกอัพราคาสูงถึง 11,000-12,000 บาท/ใบ

ในขณะที่ราคาจำหน่ายสูงสุดโดยผู้จัดเอสเอ็มทรู (SM.True) อยู่ที่ราคา 6,000 บาท/บัตร

รองลงมาคือราคา 5,000 บาท ราคา 4,500 บาท ราคา 3,000 บาท ราคา 2,500 และในราคา 1,000 บาท

ทุกคอนเสิร์ตหรืองานแฟนมีตติ้ง แฟนคลับทั้งหลายต่างก็ต้องเผชิญสงครามกดบัตรกันมาอย่างโชกโชนแล้วทั้งสิ้น

โดยประเด็นปัญหาบัตรมีราคาแพง แม้จะมีการร้องเรียนผู้จัดเป็นระยะ แต่ก็ยากที่จะแก้ไข ในเมื่อบัตรเป็นที่ต้องการของตลาด กลุ่มที่เข้ามาหาประโยชน์ก็จะวนเวียนเป็นบัตรผี อัพราคากันจนเกินพอดีอยู่เรื่อยไป

นึกย้อนไปถึงคอนเสิร์ตของวงบันทันบอยส์ ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว มีโอกาสได้คุยกับครอบครัวที่มาดูคอนเสิร์ตพร้อมหน้า พ่อ-แม่ลูก เพราะที่นั่งติดกัน

พวกเขาบอกว่า คอนเสิร์ตนี้ได้บัตรโซนราคา 3,800 บาท/ใบ แต่ใช้บริการรับกดบัตรเบ็ดเสร็จจ่ายไป 15,000 บาท ส่วนเกินเกือบ 4,000 บาทคือค่ากดบัตร…

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีผู้จัดรายใหญ่วิเคราะห์ให้ฟังว่า ความนิยมของคนไทยที่มีต่อวงการเค-ป๊อปในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2563 จะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง

แต่จนถึงขณะนี้ไอดอลหรือนักแสดงต่างก็เข้ามาทำกิจกรรมในไทยต่อเนื่อง และส่วนหนึ่งอาจจะมาจากกรณีความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และจีนที่ไม่ดีนัก …ส่งผลให้จีนแบนศิลปินจากเกาหลีใต้ทั้งหมด ผู้จัดจึงหันมาจัดในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยด้วย

ด้วยความฮ็อตของตลาดนี้ยังทำให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาตลาดนี้มากขึ้น ล่าสุดคือ บริษัท Five Four Live จำกัด ที่มีผู้บริหารคือ “เจ้าสัวศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย” ประเดิมงานแรกไปแล้วคือ งาน ยูซอนโฮ แฟนมีตติ้ง อิน แบ็งคอก

ถ้าย้อนกลับในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ามีการจัดงานทั้งคอนเสิร์ตและแฟนมีตติ้งในเมืองไทยเกือบทุกเดือน และบางเดือนถึงขนาดที่ว่ามีงานทุกสัปดาห์ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

จะเข้าสู่ขาลงหรือไม่ ไม่รู้ แต่เท่าที่ดูจากสถานการณ์ตลาดในปี 2561 นี้น่าจะยังคึกคักไปอีกยาว

ฉะนั้น เหล่าแฟนคลับ เตรียมตัว…เตรียมใจ รอรับสงครามกดบัตรครั้งต่อไปได้เลย!!!