ขอแสดงความนับถือ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ (การแก้ปัญหา) “หมูเถื่อน” ชน “ตอ” ดังกระหึ่ม

จริง-ไม่จริง ไม่รู้

แต่กรณีหมูเถื่อน ได้เรียก “มีดปังตอ” พุ่งละลิ่วมายัง “มติชนสุดสัปดาห์”

ผ่านมาทางช่องทางอีเมล

เป็น “ปังตอ” ที่ไม่พลาด “เป้า” หรือไม่

โปรดพิจารณา

 

เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์

เห็นอาการนายกรัฐมนตรี หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเด้งฟ้าผ่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปนั่งตบยุงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม นิ่งสงบ เมื่อถูกนักข่าวถามถึงเหตุเด้งด่วน

ช่างแตกต่างกับอาการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน

ที่ดูดุดันเร่งรัดในวงประชุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนบินไปประชุมเอเปคที่สหรัฐอเมริกา

นายกฯ ถามอธิบดีดีเอสไอว่าทำไมคดีหมูเถื่อนล่าช้า ทั้งที่เกิดมานาน

พร้อมกำชับให้จับกุมรายใหญ่ก่อน รายเล็กรายย่อยค่อยมาลุยภายหลัง

แถมกำชับข้ามโลกมาอีกว่าอย่าชักช้า ขีดเส้นให้จบภายใน 3 วัน 7 วัน

อธิบดีสนองตอบลุยค้นบริษัทนำเข้าหมูเถื่อน ขยายผลเข้าค้นห้างค้าปลีกรายใหญ่

แต่เพียงแค่ชั่วข้ามคืน อธิบดีดีเอสไอ ตกเก้าอี้เสียแล้ว มาพร้อมกับเสียงนินทาว่าชน “ตอ”

อาการนิ่งเลี่ยงตอบคำถามคอการเมืองต่างเดากันว่าชนตอเข้าแล้วจริงๆ

จากเล่นบทพญาเสือ กลายเป็นนิ่งเหมือนแมวนอนหวด

หากนายกฯ ออกอาการแบบนี้บ่อยๆ จะสั่งการให้ข้าราชการลุยงานแบบหนักๆ พวกเขาคงคิดหนักว่าจะขอนิ่งหรือจะช่วยลุย เพราะแทนที่จะยืนเป็นกำแพงเหล็กให้พิงกลับกลายเป็นกำแพงนุ่นให้พิง

ช่างน่าขัดใจกับบทบาทผู้นำจริงๆ!!!

ชาญชัย

 

อีเมล “ปังตอ” ของ “ชาญชัย” ยืนอยู่บนพื้นฐาน “ความเชื่อ” ว่า การถูกย้ายของอธิบดีดีเอสไอ เชื่อมโยงกับหมูเถื่อน

ซึ่งแตกต่างจากรัฐมนตรีที่ดูแลกรมดีเอสไอ ซึ่งยืนยันว่าเป็นการย้ายตามพันธกิจและการบริหารงามปกติ

จุดนี้กระมัง อาจทำให้นายกฯ ซึ่งนั่งเป็น “หัวโต๊ะ” เห็นชอบกับการโยกย้ายดังกล่าว “นิ่ง”

“นิ่ง” จนทำให้ “ชาญชัย” มีคำถาม

เป็นคำถามที่ก็ดูจะสอดคล้องกับคนจำนวนไม่น้อย

แต่ก็คงให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ สักนิด เพราะเห็น “จี้” เรื่องนี้ตลอด

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “จี้” แล้วกรณีหมูเถื่อน จะมีคำตอบอันใสกระจ่าง และนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริงหรือไม่

ต้องรอฟังจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งแน่นอนที่สุด ไม่ใช่มีเพียงคำตอบจากดีเอสไอเท่านั้น

หากแต่น่าจะรวมถึงหน่วยงานอื่นด้วย

ในคอลัมน์ “ดาวพูลโตมองดูโลก” ของ ดาวพลูโต (หน้า 20)

นอกจากนำเกร็ดทางเศรษฐศาสตร์ว่าด้วย “วัฏจักรหมู” หรือ “Hog Cycle” หรือ “Pork Cycle” ที่พบโดยการสังเกตของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน นามว่า Mordecai Ezekiel มาเล่าสู่กันฟังแล้ว

ยังโฟกัสไปยังข้อมูลหมูเถื่อนด้วย

โดยขับเน้นว่าหลังดีเอสไอ รับโอน “คดีหมูเถื่อน” มาไว้ในการดูแล

จากการสืบสวน-สอบสวนเชิงลึก-เชิงกว้าง

พบหลักฐานระหว่างปี 2564 ถึง 2566 มีหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าโดย 18 สายเรือ รวมทั้งสิ้น 2,385 ใบขนสินค้า คิดเป็นน้ำหนักหมู 76,000 ตัน

ซึ่งเกินกว่าครึ่งถูกกระจายไปทั่วประเทศแล้ว

76,000 ตัน เท่ากับ 76 ล้านกิโลกรัม!

 

“ดาวพลูโต” ชวนตั้งข้อสังเกตว่าขณะที่หมูเถื่อนแพร่พิษในวงกว้าง

แต่ในกรมศุลกากร “นิ่งสงบ” อย่างน่าอิจฉา

“ดาวพูลโต” บอกว่า กรมศุลกากรมีการลงทุนระบบตรวจสอบ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงระบบเอ็กซเรย์ตู้ทุกตู้

แทบจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ช่วยตรวจสอบว่าของที่สำแดงตรงตามใบขนสินค้าหรือไม่

แต่ก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้

ผู้นำเข้าไม่ธรรมดาจริงๆ

และว่ากันว่า ฟันกำไร “ส่วนต่างๆ” ประมาณถึง 30-35 บาทต่อกิโลกรัม

จากปริมาณหมูจำนวน 76 ล้านกิโลกรัมที่หลุดลอดเข้ามา

หากคูณ 30 บาท เท่ากับมีเงิน 2.2 พันล้านบาทที่หมุนเวียนในวงจรหมูเถื่อน

จึงเกิดแรงจูงใจการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างโจ๋งครึ่ม เย้ยฟ้าท้าดิน ไม่อายผีสางเทวดา

แต่โจ๋มครึ่มขนาดนั้น การคลี่คลายปัญหาดูจะไม่สมดุลกันสักเท่าไหร่

 

ภาวะเช่นนี้กระมัง เลยทำให้ “ชาญชัย” รวมถึงผู้อ่านมติชนสุดสัปดาห์หลายคน

ไม่ยินดีกับปรากฏการณ์ “ชนตอ”

และแถมยังยื่น “ปังตอ” ให้คนที่เกี่ยวข้อง

โปรด “อย่านิ่ง” ใช้ปังตอชำแหละหมู (เถื่อน) ออกมาให้เห็น “สันใน” กันจะจะเสียที! •