ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บ้าน 10-20 ล้านขายดี ธุรกิจอสังหาฯ ขยายไลน์ธุรกิจแก้กำลังซื้อต่ำ

ที่มามติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2566
คอลัมน์ก่อสร้างและที่ดิน
เผยแพร่

ถึงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างได้แถลงผลดำเนินการปี 2565 ทีผ่านมา และเป้าหมายแผนงานธุรกิจปี 2566 กันครบถ้วน

เรื่องที่น่ายินดี บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ต่างแถลงผลงานที่เรียกว่า All Time High ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายเพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอพี. ศุภาลัย ออริจิ้น แสนสิริ ฯลฯ เรียกได้ว่า ดีขึ้นเกือบทั้งอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้

มีเพียง 1-2 รายที่ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข

ขณะเดียวกันการแถลงข่าวของบริษัทอสังหาฯ กลุ่มผู้นำตลาดปีนี้ ก็มีข้อน่าสังเกตที่แตกต่างไปจากทุกปีว่า แทบทุกรายพุ่งเป้าให้ความสำคัญกับการเปิดธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยโดยตรง ไปจนถึงธุรกิจที่ไม่ใช่อสังหาฯ

เริ่มจาก บมจ.ออริจิ้นที่แถลงก่อนใคร ขยายตัวไปทุกธุรกิจที่เห็นโอกาส ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม โลจิสติกส์ คลังสินค้า ธุรกิจบริการ บริหารสินทรัพย์ ธุรกิจการเงิน

บมจ.เอสซีแอสเซ็ท ก็ประกาศขยายสู่ธุรกิจคลังสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน

จะคิดว่า ทั้งออริจิ้น เอสซี และเสนา เป็นกลุ่มผู้นำธุรกิจอสังหาฯ ที่ซีอีโออายุยังน้อย เป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังขยายตัว ก็มีส่วนใช่ แต่ก็ไม่ทั้งหมด

เพราะ บมจ.พฤกษา ต้องถือว่าเป็นคลื่นรุ่นก่อนหน้า ก็ให้ความสำคัญกับการขยายโรงพยาบาลวิมุติและธุรกิจเฮลท์แคร์ต่อเนื่อง สร้างแพลตฟอร์มค้าปลีกให้บริการทั้งสินค้าเกี่ยวกับบ้าน และสินค้าอื่นๆ สำหรับผู้อยู่อาศัย

 

สาเหตุที่บริษัทอสังหาฯ หลายบริษัทต้องขยายไลน์ไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ด้วยนั้น ที่ผ่านมาเชื่อว่ามีแรงผลักดันมาจากธุรกิจอสังหาฯ โดยตรงนั้น ตลาดหุ้นให้ค่า P/E ต่ำ ส่งผลให้ราคาหุ้นอสังหาฯ ราคาค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่มีกำไรและปันผลใกล้เคียงกัน

จึงเป็นเหตุให้บริษัทอสังหาฯ ขยายไปสู่ธุรกิจอื่นเพื่อทำให้ P/E สูงขึ้น และจะทำให้มูลค่าบริษัทหรือมาร์เก็ตแคปสูงขึ้น

แต่ในปัจจุบันยังมีแรงกดดันที่ใหญ่กว่าค่า P/E คือปัญหากำลังซื้อของตลาด ปี 2565 ที่ผ่านมาแม้จะเป็นปี All time high แต่บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ทุกรายคงรู้สึกและมีข้อมูลกันดีแล้วว่า กำลังซื้อจะมีปัญหา

คนซื้อบ้าน คอนโดฯ ระดับราคา 3-5 ล้านบาทถูกปฏิเสธสินเชื่ออัตราสูงมาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก

บ้าน 10-20 ล้านบาทขึ้นไปขายดี แต่สัดส่วนจำนวนผู้ซื้อไม่มาก เพียง 2-3% จำนวนผู้ซื้อทั้งตลาด

แต่บริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องมีอัตราเติบโต ที่จริงแล้วการโตด้วยยอดขายบ้าน คอนโดฯ นั้นเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่เพราะมีต้นทุนการเงินต่ำมาก มีทีมงานพร้อม ทรัพยากรด้านต่างๆ พร้อม

แต่ข้อจำกัดเรื่องกำลังซื้อในตลาดนั้น บริษัทอสังหาฯ แก้เองไม่ได้ หากมีการแก้ไขก็ต้องใช้เวลานาน

ดังนั้น สำหรับธุรกิจอสังหาฯ รายใหญ่การขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ จึงเป็นทางออกสำหรับการรักษาระดับอัตราเติบโต •

 

 

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.