ซีพีเอฟ ร่วมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมไทย ฟื้นฟูระบบนิเวศ ดิน น้ำ ป่า ลดก๊าซเรือนกระจก สู่ความมั่นคงทางอาหาร 

ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด ในการดำรงชีวิตของคน สัตว์ และพืช  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤตโควิด-19 เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งเศรษฐกิจ สังคม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน   ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ  มีความตระหนักในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน    สู่ชีวิตวิถีใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Generation Restoration)  

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก  ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ บริษัท ฯ ได้ประกาศแผนกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF  2030 Sustainability in Action เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) สู่ ”  ทศวรรษแห่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ”         

ซีพีเอฟเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้ทรัพยาการให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างต่อเนื่อง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก   จากกระบวนการผลิต ขยะอาหาร ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้   เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการดำเนินกิจกรรมหลายรูปแบบ เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy) และเป้าหมายการลดขยะอาหารในการดำเนินธุรกิจเป็นศูนย์ ในปี 2573 ควบคู่กับการอนุรักษ์  ปกป้อง และฟื้นฟูป่าบกและป่าชายเลน เพื่อเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องตามเป้าหมาย “ทศวรรษแห่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ” ของสหประชาชาติ      

ปีนี้ ยังเป็นปีที่บริษัทฯ ริเริ่มกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน ขับเคลื่อนเป้าหมายความยั่งยืน โดยได้ดำเนินโครงการ “CPF 2030 Sustainability in Action ยั่งยืน  ได้ด้วยมือเรา” ซึ่ง นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร  ซีพีเอฟ กล่าวว่า สองกิจกรรมนำร่อง คือ   “กล้าจากป่า พนาในเมือง” ส่งเสริมให้พนักงานนำต้นไม้ไปปลูกในพื้นที่ของตัวเอง โดยหลังจากเปิดตัวตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2564 จนถึงปัจุบัน สามารถปลูกต้นไม้ 27,196 ต้น จากเป้าหมายปลูกต้นไม้ในปีนี้ 20,000 ต้น  ต้นไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 215,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์  และภายในปี  2568  มีเป้าหมายปลูกต้นไม้  100,000  ต้น    และกิจกรรม “กินเกลี้ยง เลี้ยงโลก” เป็นการรณรงค์ให้พนักงานและครอบครัวบริโภคอาหารให้หมดจาน ไม่ให้เกิดขยะเหลือทิ้งสามารถลดขยะอาหารได้  17,312 จาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 3,150  กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีเป้าหมายในการลดขยะอาหารให้ได้ 100,000 จานภายในปี  2568   

นอกจากนี้  ซีพีเอฟ สานต่อโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศ ทั้งโครงการปลูกป่าบกและป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “จากภูผาสู่ป่าชายเลน”  คือ  โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ  ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง และ  โครงการ ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ที่มีเป้าหมายปลูกป่าเพิ่มขึ้นในเบื้องต้นอีก 20,000 ไร่ เพื่อกักเก็บปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สะสม 232,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2573 ต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ปลูกป่าบกและป่าชายเลน ไปแล้วมากกว่า 10,000 ไร่   

ในด้านการมีส่วนร่วมตามแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก  โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด  บริษัทฯ  ใช้พลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบให้เหมาะกับธุรกิจและฟาร์มปศุสัตว์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล (Fossil Fuels) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งพลังงานชีวมวล (Bio Mass) พลังงานชีวภาพ (Biogas) พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบติดตั้งบนหลังโรงงานและอาคารสำนักงาน (Solar Rooftop) แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) และแบบลอยน้ำ (Solar Floating) โดยในปี 2563 สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนของ ซีพีเอฟ คิดเป็น 26% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 575,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ซีพีเอฟ ยังให้ความสำคัญการกับการลดใช้ทรัพยากร เช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ซ้ำคิดเป็น 42% ของการใช้น้ำทั้งหมด  ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณสมบัติสามารถใช้ซ้ำ หรือ นำกลับมาใช้ใหม่ หรือ ย่อยสลายได้  99.9% และยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 790 รายการ ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นและฉลากลดโลกร้อน  การพัฒนานวัตกรรมเนื้อจากพืช Meat Zero เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมอาหารสัตว์รักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรตลอดห่วงโซ่การผลิต ทำให้ในปี 2563  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้  2.071 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำที่ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน