อะไรทำให้ “พรรคอนาคตใหม่” ทะยานมาอยู่ในจุดแห่งความสนใจเป็นอย่างสูงในทางการเมือง

แม้กระทั่ง “นิดาโพล”ก็ออกมายอมรับ

การที่คะแนน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ที่ร้อยละ 6 อาจต่ำกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่า พรรคอนาคตใหม่ เพิ่งเปิดตัวอย่าง เป็นทางการในวันที่ 15 มีนาคม

“ละอ่อน” เป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเทียบกับ “คสช.” ไม่ว่าจะเทียบกับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์

แต่ก็ไปยืนเรียงเคียงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

แนวโน้มที่จะตามมาอย่างแน่นอน คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็น”แคนดิเดต”ตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”

ไม่เพียงแต่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ไม่เพียงแต่กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

หากในความเป็นจริง คือ การประกบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ความแหลมคมอยู่ตรงไหน

ความแหลมคมอยู่ตรงที่ คนหนึ่ง คือ “อนาคต” คนหนึ่ง คือ “อดีต”

ไม่จำเป็นต้องระบุ “สังคม”ก็แยกแยะออกได้โดยอัตโนมัติ

การดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ ตัวแทนแห่ง “อดีต” ขณะที่การดำรงอยู่ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คื่อตัวแทนแห่ง “อนาคต”

“อนาคต” คือ สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการ”ทวงคืน”

 

ไม่ว่าบรรดาเกจิทางการเมืองจะมองภาพแห่ง”พรรคอนาคตใหม่” ด้วยสายตาอันหมิ่นแคลนอย่างไร

แต่ยอมรับเถิดว่า “พรรคอนาคตใหม่”มี “สถานะ”

การเข้ามาสู่แวดวงการเมือง การเลือกตั้ง อาจจะดำเนินไปในกระสวนแห่งความเป็น Start Up แต่ก็สามารถจุดประกายแห่งความคาดหวังได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วไยต้องมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตามมาด้วยติดๆเช่นนี้เล่า