เป็นไปได้อย่างไรที่จะมองบทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร และของ นายจักรภพ เพ็ญแข ว่า “เอ๊าต์”ไปแล้วในสภาพการเมืองยุคปัจจุบัน

นั่นหมายถึงการกวาดรวม นายทักษิณ ชินวัตร ไปอยู่ในแถว เดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอา นายจักรภพ เพ็ญแข ไปติดกับ นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์

หากมองภาพของ นายจักรภพ เพ็ญแข นั่งวิเคราะห์ข่าวอยู่ เรียงเคียงข้างกับ นายพิชัย วาศนาส่ง และข้างกับ อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ยิ่งน่าใจหาย

เป็นไปได้หรือที่ นายจักรภพ เพ็ญแข จะประเมินการเมืองออกมาในแบบของ นายเสรี วงศ์มณฑา

ยิ่งการมองเห็นภาพ นายทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นคนที่อยู่ในแถวเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยิ่งเป็นเรื่องน่าใจหาย

เท่ากับสะท้อนว่าการอยู่ต่างประเทศอย่างยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษแทนที่จะเป็นคุณ แทนที่จะติดตามการเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลันทันใด กลับกลายเป็นเครื่องถ่วงรั้ง

ยากที่ นายทักษิณ ชินวัตร นายจักรภพ เพ็ญแข จะยอมรับต่อบทสรุปอย่างรวบรัดนี้ได้

 

ถามว่าการประเมินคนๆหนึ่ง การประเมินบุคคลที่ยอดเยี่ยมระดับ นายทักษิณ ชินวัตร ระดับ นายจักรภพ เพ็ญแข จะเอาอะไรมาเป็นเครื่องชี้วัด

เอาเพียงการออกไปพบประชาชนไม่เพียงกี่ครั้ง เอาเพียงการนั่งพูดผ่านรายการทีวีบางช่อง ไม่น่าจะเที่ยงตรงและเป็นธรรม

การเดินทางไปเชียงใหม่ของ นายทักษิณ ชินวัตร อาจยังมีร่องรอยในกระสวนเดียวกันกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่บ้าง

นั่นก็คือแวดล้อมด้วยข้าราชการ อบอุ่นด้วยนักการเมืองรุ่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คือบรรยากาศของมวลชนที่แทบไม่แตกต่างไปจากอดีต แต่นั่นก็คือความเคยชิน

เป็นความเคยชินเหมือนกับท่วงท่าอาการของ นายจักรภพ เพ็ญแข ที่คล้ายกับจะเป็นบทสรุปใหม่แต่อยู่ในร่างแบบเดิม

ทั้งหมดจึงสะท้อนบทสรุปใหม่ที่แปลกแยกกับภาพเก่า

 

ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าบทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร บทบาทของ นายจักรภพ เพ็ญแข ใหม่หรือเก่า

จำเป็นต้องรอ นายทักษิณ ชินวัตร ไปเชียงใหม่หนสอง

จำเป็นต้องรอผลสะเทือนของ นายทักษิณ ชินวัตร ต่อรัฐบาล ต่อพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องรอผลสะเทือนของ นายจักรภพ เพ็ญแข เมื่อลงมือปฏิบัติอย่างเป็นจริง

ในที่สุดแล้วการปฏิบัติที่เป็นจริงและผลสะเทือนตามมาจะเป็นคำตอบที่เที่ยงธรรมมากที่สุดว่าเก่าหรือใหม่เชิงเปรียบเทียบ