ยังไม่มีใครให้”คำตอบ”ได้ว่า ยุทธการชิงตำแหน่ง”ประธานสภา”ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะจบลงอย่างไร

ในเมื่อดำเนินไปในลักษณะ”เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”เด่นชัด

ปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นตามมาอย่างรวดเร็วและด้วยความร้อนแรงเป็นอย่างสูงในทางการเมือง ย่อมเป็นปรากฏการณ์ ทางด้านการข่าว

ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของสื่อใหม่อย่างทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค หรืออินสตาแกรม

เพียง 10 อันเทรนด์ทวิตเตอร์ก็ยึดครองไปแล้วร้อยละ 50 นั่นก็คือ #ประธานสภา นั่นก็คือ #เพื่อไทย นั่นก็คือ #พิธา นั่นก็คือ

#พรรคอันดับ2 นั่นก็คือ #ก้าวไกล

อัตราการทะยานของจำนวนทวีตดุเดือดเข้มเข้นเป็นอย่างมากด้วยเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ สะ ท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยา

ไม่ว่าจะมาจากทางด้านของ”นักวิเคราะห์” ไม่ว่าจะมาจากทางด้านของบรรดา”ติ่ง”

ล้วนอยากรู้ว่า”สถานการณ์”จะคลี่คลายไปอย่างไร

 

ความละเอียดอ่อนของตำแหน่ง”ประธานสภา”เด่นชัดยิ่งอยู่ที่มิได้เป็นการชิงระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐกับพรรคก้าวไกล

ตรงกันข้าม เมื่อเป็นการชิงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจึงเร้าเย้ายวนเป็นอย่างสูง

เพราะ 2 พรรคนี้อยู่ในพันธมิตร 8 พรรค”ประชาธิปไตย”

เพราะการลงคะแนนเสียงกว่า 14 ล้านให้พรรคก้าวไกล และกว่า 10 ล้านให้พรรคเพื่อไทย ผนวกรวมเป็นกว่า 24 ล้านสะท้อนเจตจำนง”ร่วม”ของประชาชน

กลายเป็นรูปธรรมแห่ง”แลนด์สไลด์”ที่ประชาชนสำแดงออกมิใช่เพียงเพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาแทนที่รัฐบาลเก่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หากที่สำคัญก็คือ ดำรงจุดหมาย”ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม”

 

ยอมรับเถิดว่านับแต่นี้เป็นต้นไปแสงแห่งสปอตไลต์ย่อมฉายจับไปแต่ละจังหวะก้าวในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย

ดรรชนีอันชี้และเป็นนัยสำคัญ คือ เงาสะท้อนผ่าน”สื่อ”

เหมือนกับจะมองไปยังสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย แต่ในความเป็นจริงมองข้ามไปถึงในเรื่อง”ดีลลับ”จะมีความเหนือกว่า”ดีลรัก”ที่ดำรงอยู่หรือไม่

มองข้ามพรรคเพื่อไทยไปยังมือจาก”ลุง” มองข้ามถึง”นายก รัฐมนตรี” มองข้ามพรรคก้าวไกล

“คำตอบ”สุดท้ายในอีกไม่นานจึงน่าจะเป็น”คำเฉลย”