เผยแพร่ |
---|
กระบวนท่าในการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการครม.ดำเนินไปอย่างยอกย้อน
ยอกย้อนในแบบ “ผายลม”ไยต้อง”ถอดกางเกง”
มองจากความจัดเจนในแบบ นายวิษณุ เครืองาม หรือแม้กระทั่งรากฐานเดิมของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเป็นนักกฎหมาย
นี่ย่อมดำเนินไปตาม”ขนบ” และ “ธรรมนิยม” อันชอบแห่งระเบียบราชการ
ในเมื่อตำแหน่งเลขาธิการครม.เคยเป็นของ นายดิสทัต โหตระกิตย์ ตั้งแต่ปี 2562 มีความจำเป็นที่จะต้องผ่องถ่ายคนเดิมออกไปก่อน
เพราะหากไม่รุ”ของเก่า” ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะจัดสรร”ใหม่”ลงไปแทนที่ได้
นัยยะอันสะท้อนก็คือ ย้าย นายดิสทัต โหตระกิตย์ จากเลขาธิการครม.เข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
แล้วให้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเดิมพ้น
ในเมื่อตำแหน่งใหม่ของอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็คือตำแหน่งเลขาธิการครม.ที่ว่างลง
ถามว่าเป้าหมายในการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ครั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใดในทางการเมือง
มิได้เป็นการปูนบำเหน็จอย่างแน่นอน หากแต่เพื่อ”สื่อ”
สื่อถึงแต่ละจังหวะก้าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อยืนยันต่อความต้องการในการ”ไปต่อ”ทางการเมืองโดยเป็นการทำงานร่วมกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
แม้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเป็นที่ปรึกษาอยู่แล้วก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องให้เก้าอี้เลขาธิการครม.ควบคู่ไปกับการนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
เป้าหมายที่จริงแท้แน่นอนก็คือ สร้างความเป็นหนึ่งเดียวในการทำงานร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
2 คนนี้จะร่วมเป็นร่วมตายในพรรครวมไทยสร้างชาติชัดเจน
เพียงเพื่อต้องการสร้างตราประทับแห่ง”ความชัดเจน” พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องมอบตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้กับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เป็นการสื่อโดยไม่พูดว่าไปพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน
ตามปรกติแล้วผู้คนโดยทั่วไปในยาม”ผายลม”ก็ไม่จำเป็นต้องถอดเข็มขัดแล้วปลดกางเกงลงแล้วนั่งเหนือชักโครก
กระนั้น เพื่อการนี้เราได้เห็นคนบางคนกระทำการเช่นนั้นเพียงเพื่อปฏิบัติการ”ผายลม”เท่านั้น