เผยแพร่ |
---|
ทำไมเพียง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรียกขาน คนทำงานกวาดขยะในแต่ละพื้นที่ของกทม.ว่าเป็น”เพื่อนร่วมงาน”จึงส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง
ยิ่งเมื่อมีการเชิญ”พนักงานทั่วไป”ร่วมโต๊ะในการรับประทานอาหารกลางวัน ยิ่งเป็นเรื่องฮือฮา
เห็นได้จากจำนวน 1.1 ล้านที่ติดตามเพจ”ชัชชาติกินข้าว”
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ยังไม่มีการทำเรื่องเพื่อบรรจุพนักงาน บางคนซึ่งดำรงอยู่ในสถานะแห่ง”พนักงานชั่วคราว” ทั้งๆที่ยังไม่มี การเสนอ”เทศบัญญัติ”ใดๆอันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ทุกการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการเรียกขานว่าเป็น”เพื่อนร่วมงาน” หรือการเชิญบุคคลอันดำรงอยู่ในลักษณะเป็นตัวแทนเพียง 5 คนร่วมโต๊ะอาหาร
ก็เสมอเป็นเพียงการแสดง”น้ำใจ”ไมตรี เป็นเรื่องในทางมนุษยธรรมในการยืนยันว่าระหว่าง”ผู้ว่าฯกทม.”กับ”คนกวาดขยะ”มิได้เป็น”นาย”กับ”ลูกน้อง”หากเป็น”เพื่อนร่วมงาน”
ที่ทุกก้าวย่างแห่งปฏิบัติการนี้ส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมืองเพราะนี่คือการรุกเข้ายึดพื้นที่ในทางความคิด
เป็นการกุมชัยชนะผ่านการครอบงำทาง”จิตใจ”
จากการสำแดงออกของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่เพียงแต่ครองใจของ”เพื่อนร่วมงาน”อันเป็นเป้าหมายเท่านั้น หากแต่ผลสะเทือนยังดำเนินไปในลักษณะของการขยายตัว
เป็นการขยายตัวในทาง”ความคิด”ในทางความรู้สึก เป็นการขยายตัวอันนำไปสู่การเปรียบเทียบ
ไม่เพียงแต่จะเปรียบเทียบกับ”อดีต”ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครอื่นๆทั้งที่มาโดยกระบวนการเลือกตั้ง ทั้งที่มาโดยกระบวนการลากตั้ง และกระจายขยายไปในขอบเขตทั่วประเทศ
ความแหลมคมเป็นอย่างยิ่งคือ การเปรียบเทียบกับ”นักการ เมือง”คนอื่น ทั้งในระดับท้องถิ่น ทั้งในระดับจังหวัด ทั้งที่มาจากการเลือกของประชาชนและโดยการแต่งตั้งจากส่วนกลาง
ในที่สุดกระบวนการเปรียบเทียบนี้ก็จะลากยาวไปยัง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น
ปฏิบัติการรุกคืบของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเริ่มจากการรุกเข้าไปยึดครองในทาง”ความคิด” แล้วก็แปรไปสู่การยึดครองพื้นที่ในทาง “การเมือง”
ถามว่าเป็นปฏิบัติการอย่างมี”เป้าหมาย”มีการวางแผน
หรือทุกอย่างดำเนินไปโดยอัตโนมัติบนพื้นฐานความเป็นตัว ของตัวเองของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
นั่นก็คือ พลานุภาพแห่ง ทำงาน ทำงาน ทำงาน ที่เป็นจริง