เผยแพร่ |
---|
“คาร์ ม็อบ”อันเป็นนวัตกรรมทางการเมืองซึ่งต่อยอดและพัฒนาโดย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กำลังสถาปนาคนเองเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมืองยุคใหม่
สามารถเข้ามาสอดรวมกระบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองใต้คำประกาศ”สถานการณ์ฉุกเฉิน”ได้อย่างเหมาะเจาะ
การเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นการ”ซ้อม”หรือว่าการลงมือจริงที่เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนิน เลื้อยยาวไปยังถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลกและไปจบลง ณ แยกราชประสงค์
แม้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองบัญชาการตำรวจนคร บาลจะผลิตคำขู่ออกมาอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ แต่ก็ยังมิอาจสกัดขัดขวางการเคลื่อนไหวได้
ตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่จะมีอย่างต่อเนื่องในกรุงเทพมหานคร กลับแพร่กระจายออกไปในหลายมหานครด้วยความคึกคัก
คำประกาศของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เห็นอย่างเด่นชัด
เด่นชัดว่าทีจะจัดขึ้นเป็นหนที่ 3 ในวันที่ 1 สิงหาคม มิได้เป็นคาร์ ม็อบเฉพาะส่วนหากแต่เป็นขอบข่าย”ทั่วประเทศ”
ตัวอย่างที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเป็นต้องยอมรับก็คือ กระบวนการ”คาร์ ม็อบ”มิได้ฝ่อหรือแผ่วลง หากแต่กลับเป็นการ ขยายตัวด้วยปริมาณการเข้าร่วมมากขึ้น มากขึ้น
ตัวอย่างจากที่เห็นในเชียงใหม่เมื่อประสานเข้ากับล่าสุดที่นคร ราชสีมาเด่นชัดว่าเป็นขบวนของ”มวลชน”
เป็นมวลชนที่ไม่พอใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และเมื่อมองผ่านยานพาหนะคือรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ก็เด่นชัดว่าเป็นมวลชนจาก”ชนชั้นกลาง”ที่มีความตื่นตัวและตระหนัก ชัดในจุดอ่อนความบกพร่องของรัฐบาล
สถานการณ์”ฉุกเฉิน”และ”โควิด”ก็มิอาจห้ามปรามลดทอนลง
กระหึ่มแห่งเสียงเครื่องยนต์ประสานขานรับกับเสียงแตรดังกังวานคือรูปธรรมแห่งความหงุดหงิดไม่พอใจ
คำถามยังเป็นคำถามเดิม นั่นก็คือ คำประกาศของ นายสมบัติ บุญ งามอนงค์ ที่จะเคลื่อนไหวในวันที่ 1 สิงหาคม ผลสะเทือนที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
มวลชนเข้าร่วมมากน้อยเพียงใด กระจายไปทั่วประเทศหรือไม่
ทั้งหมดนี้ล้วนดำเนินเพื่อฟ้องร้องให้เห็นโทษกรรมอันเนื่องแต่การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น