เผยแพร่ |
---|
บรรยากาศที่ค่อยๆเผยแสดงและมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในห้วงภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา
เหมือนกับจะเป็นบรรยากาศแห่งความเป็น”ประชาธิปไตย”
กระนั้น หากติดตามแต่ละ”สภาพการณ์” ที่ปรากฏและก่อรูปขึ้นเป็น “ปรากฏการณ์” ภายในประชาธิปไตยนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยลักษ ณะ “อนาธิปไตย”
ขณะเดียวกัน ลักษณะ”อนาธิปไตย”นั้นมิได้ปะทุขึ้นจากข้างล่าง ตรงกันข้าม กลับสัมผัสได้จากกลไกอำนาจรัฐ
อย่างที่กกต.เรียกว่า “บัตรเขย่ง”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อสูตรการคำนวณ ส.ส.และปรากฏ ส.ส.บัญชีรายชื่องอกขึ้นมาจาก 10 พรรคทางการเมืองอันเป็น ส.ส.พึงมี
ลักษณาการแห่ง”อนาธิปไตย”ยิ่งมีความโดดเด่น
จาก ส.ส.อันมีพื้นฐานมาจาก”อภินิหาร”ในทางกฎหมายเช่นนี้เองจึงแปลกที่การประกอบส่วนของรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐจึงมีจำนวนมากถึง 18 พรรคการเมือง
และนำไปสู่การแยกและการรวมตัว เมื่อแยกก็เรียกตนเองว่าเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ”
เมื่อรวมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งภายใน 18 พรรคร่วมรัฐบาล
เพราะว่าฝ่ายรัฐบาลมี 251 เพราะว่าฝ่ายค้านมีอยู่ 246 จึงเรียกกันว่ารัฐบาล”เสียงปริ่มน้ำ”
จึงก่อให้เกิดความจำเป็นต้อง “แจกกล้วย”
จึงก่อให้เกิดความจำเป็นต้องมีปฏิบัติการ”งูเห่า”ในทางการเมือง ไม่ว่าต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าต่อพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าต่อพรรคเศรษฐ กิจใหม่ ไม่ว่าต่อพรรคประชาชาติ
นี่คือ “อนาธิปไตย” อันเป็นฝีมือของ”รัฐบาล”
สังคมการเมืองไทยตื่นตระหนกเป็นอย่างสูงเมื่อเห็นกลุ่ม LGBT โชว์การจูบปากระหว่างการแถลงข่าวในสภา
แต่เฉยๆต่อกรณีของ “งูเห่า”
และเฉยๆต่อกรณีที่ ส.ส.ในสภาจำนวนหนึ่งยึดครองที่ดินมากกว่า 1,700 ไร่อย่างมีเงื่อนงำ รัฐมนตรีบางคนต้องโทษในต่างประเทศจากกรณียาเสพติด
นี่คืออาการและการแสดงออกที่เห็นอย่างเด่นชัดนับแต่เลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา
เด่นชัดว่าคือปรากฏการณ์อันแฝงกลิ่นอายแห่ง”อนาธิปไตย”