การโพสต์ข้อความยาวเหยียดจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการร้อง ทุกข์จากคนที่ประสบชะตากรรมจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ รัฐบาลในยุคคสช.อย่างแน่นอน

​และเมื่อเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สังคมก็ให้ความสนใจอย่างสูง ก่อผลสะเทือนในทางการเมือง

​เพราะกระบวนการที่คสช.นำมากระทำต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นั้นเด่นชัดว่าหนักหนาและสาหัส

​โดยเฉพาะการลัดตัดขั้นตอนโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอยู่ในมือ

​นี่คือรูปธรรมอันเด่นชัดยิ่งของ “มาตรา 44”

 

น่าสังเกตว่าข้อความอันมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดขึ้นในบรรยากาศภายหลังจาก “สภาล่ม” และปรากฏการณ์ “งูเห่า”เพื่ออุดจุดอ่อนช่องโหว่จากเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล

​บรรยากาศนี้เป็นบรรยากาศอะไร

​ตอบได้เลยว่าเป็นบรรยากาศที่ด้านหนึ่ง ความต้องการเอาชนะของรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

​ด้านหนึ่ง เป็นรูปธรรมแห่งผลสะเทือนจากญัตติด่วนจัดตั้งคณะ กรรมาธิการวิสามัญศึกษา ทบทวน ผลกระทบจากประกาศ คำสั่งคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44

​ขณะเดียวกัน การพยายามล้มญัตติด่วนนี้มิให้ผ่านสภาแม้จะเคยผ่านสภามาแล้วก็ตาม ยืนยันการไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง

​ข้อความจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรากฏในบรรยากาศอย่างนี้

 

ยิ่งสังคมให้ความสนใจต่อชะตากรรมซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องประสบจากผลสะเทือนของมาตรา 44 และการใช้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากเพียงใด

​ยิ่งทำให้สถานะและบทบาทของญัตติด่วนอันเสนอโดย นายปิย บุตร แสงกนกกุลและพรรคอนาคตใหม่ ทรงความหมายมากเพียงนั้น

​ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชะตากรรมของพรรคเพื่อไทย จึงบรรจบอย่างเหมาะเจาะกับชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่โดยอัตโนมัติ

​แนวร่วมพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่จึงยิ่งผนึกแนบแน่น

​ถนนทุกสายจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ล้วนพุ่งเข้าหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา