E-DUANG : ผลสะเทือน อนาคตใหม่ พลัง จาก ความไร้เดียงสา

แรกที่พรรคอนาคตใหม่ปรากฏและเสนอตัวเข้ามาสู่พื้นที่การเมือง ของสังคมประเทศไทย

คำว่า “ไร้เดียงสา”ก็เป็นอีก”ฉายา”

เพราะไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ล้วนเป็น “ละอ่อน” ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง

ยิ่งประกาศจะให้พรรคอนาคตใหม่เป็นของประชาชน

ยิ่งประกาศจะใช้เงินค่าสมาชิก เงินบริจาคจากประชาชนเป็นทุนในการขับเคลื่อนพรรค

ยิ่งประกาศจะใช้คนหน้าใหม่เข้าสู่สนามการเมือง

ยิ่งทำให้ภาพแห่ง”ความไร้เดียงสา”เป็นตราประทับหนักแน่น ตราตรึง

 

เสียงสบประมาทจึงดังมาจากทุกสารทิศจากบรรดาผู้เปี่ยมประสบ การณ์และความจัดเจนทางการเมือง

แต่ด้วยเวลาเพียงไม่กี่เดือน

จำนวนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ก็ทะยานไปแตะที่หลักกว่า 3 หมื่น จำนวนเงินบริจาคเฉลี่ยแล้วได้วันละหลายแสนและไปปักหลักกว่า 40 ล้านบาท

พรรคอนาคตใหม่ประกาศจะส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ให้ครบทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ

นอกจากมีสาขาพรรคทั้ง 4 ภาคตามข้อกำหนด

ที่สำคัญเป็นอย่างมากยังสามารถเลือกและแต่งตั้งกรรมการประจำจังหวัดได้เกือบครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ

เป็น “ความไร้เดียงสา”อันเปี่ยมด้วย”พลัง”

สามารถก้าวไปยืนเรียงอยู่เคียงข้างกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเก่า พรรคใหญ่ได้อย่างองอาจ

ถามว่าพรรคอนาคตใหม่”ไร้เดียงสา”จริงละหรือ

 

เป้าหมายหลักของพรรคอนาคตใหม่ คือ เจตจำนงที่จะปักธงในทางความคิด

เริ่มจาก “อนาคต” เรา”กำหนด”ได้

ผลสะเทือนอย่างสำคัญก็คือ จาก”ความไร้เดียงสา”นั่นเองก่อให้เกิดภาพเปรียบเทียบกับพรรคแตกลายงาอื่นๆว่ามีความแตกต่างอย่างไร

ความแตกต่างนั่นแหละคือข้อดีจาก”ความไร้เดียงสา”ของพรรคอนาคตใหม่