เผยแพร่ |
---|
ทั้งๆที่ทิศทางของ “คสช.”มีความแจ่มชัดอย่างยิ่งว่าต้องการ”สืบ ทอด”อำนาจอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะมองผ่าน”รัฐธรรมนูญ”
ไม่ว่าจะมองผ่านการจัดทำ”ยุทธศาสตร์ชาติ” ไม่ว่าจะมองผ่านการจัดทำ “แผนปฏิรูปแห่งชาติ”
ไม่ว่าจะมองการเชื่อมต่อของ”โครงการ”
จากแนวทาง”ประชารัฐ”ไปยัง”ไทยนิยม ยั่งยืน”และลงเอยด้วยการก่อรูปขึ้นของ “พรรคพลังประชารัฐ” และการเดินสายแผ่
“พลังดูด”ของกลุ่มสามมิตร
แล้วเหตุใดยังต้องมี”คำถาม”และต้องการ”คำตอบ”จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก
หรือเพียงเพื่อต้องการ”การยืนยัน”
การทุ่มเทพลังแรงงานของ”คสช.”นับแต่ก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
แทบไม่มีข้อกังขาใดๆเลย
1 คสช.ต้องการเดินแนวทางแบบเดียวกับที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2502 แล้วก็ส่งมอบให้กับ จอมพลถนอม กิตติขจร
อยู่ยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2502 กระทั่งเดือนตุลาคม 2516
ขณะเดียวกัน 1 ต้องการสืบทอดอำนาจด้วยพิมพ์เขียวแบบที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้มานับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2523 เป็นเวลา 8 ปีจนถึงเดือนสิงหาคม 2531
ภายใต้โครงสร้างทางการเมืองที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ”
โดยมี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประติมากรคนสำคัญ
และเสริมความแข็งแกร่งด้วยสมองก้อนโต นายวิษณุ เครือ งาม นายพรเพชร วิชิตกุลชัย และ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ
อย่าลืมบทสรุป “เขาอยากอยู่ยาว”เมื่อเดือนกันยายน 2558
แม้ว่ารายละเอียดการก้าวย่างจาก ณ วันนี้ ไปยังไม่ว่าเดือนกุมภา พันธ์ ไม่ว่าเดือนพฤษภาคม 2562 อาจจะยากลำบาก
แม้ว่าเส้นทางต่อจากนั้นจะยิ่งยากลำบากเป็นทวีคูณ
แต่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณและพันธมิตรล้วนมีความมั่นใจ
นั่นก็คือ ได้เป็น”นายกรัฐมนตรี”แน่นอน ไม่มีเป็นอื่น